วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

การทำ กุ้งอบวุ้นเส้น

การทำ กุ้งอบวุ้นเส้น

ส่วนผสม
กุ้งตัวใหญ่ 5 ขีด
วุ้นเส้นแช่น้ำจนนุ่มตัดเป็นท่อนสั้นๆ 1 ถ้วย
กระเทียม 1 หัว
พริกไทย 10 เม็ด
รากผักชี 5 ราก
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 1/2 ถ้วย
ต้นหอม ผักชี 1-2 ต้น

แล้วก็มาถึงวิธีการทำ ให้เริ่มด้วยล้างกุ้งทั้งเปลือกให้สะอาด ตัดหนวดและผ่ากลางตัว เอาเส้นขี้กุ้งที่เป็นไส้ดำๆ ออก จากนั้นก็โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย แล้วนำไปคลุกเคล้ากับวุ้นเส้นและเครื่องปรุงที่เหลือให้เข้ากัน

ขั้นต่อมาเอากุ้งวางเรียงก้นหม้อ ใส่วุ้นเส้นที่คลุกแล้วและเติมน้ำซุปให้ท่วมวุ้นเส้น แล้วปิดฝาหม้อ นำไปตั้งไฟอ่อน ๆ นานประมาณ 20 นาทีหรือจนสุก ซึ่งในช่วงที่กุ้งยังไม่สุกถ้าน้ำเริ่มงวดให้เติมน้ำซุปลงไปอีกครั้ง ชิมรสที่ตัววุ้นเส้น ถ้ายังไม่อร่อยก็เติมเครื่องปรุงจนถูกใจ เมื่อเสร็จแล้วก็ใส่ผักชีโรยหน้าสักนิด ยกไปเสิร์ฟกินร้อน ๆ แสนจะอร่อย

บอกอีกนิด ถ้าจะให้ดีงานนี้ต้องอบใส่หม้อดิน เพราะจะรู้สึกถึงรสชาติความเป็นกุ้งอบวุ้นเส้น แต่ถ้าไม่มีจะใช้หม้อสแตนเลสทำก็ได้ หรือถ้าให้ง่ายเข้าไปอีกใครจะอบด้วยเตาไมโครเวฟก็ได้ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

การทำ ข้าวเหนียวเปียกลำไย

การทำ ข้าวเหนียวเปียกลำไย

ส่วนผสม

ข้าวเหนียว 1 ถ้วย
ลำไยสดแกะเอาแต่เนื้อ 2 ถ้วย (หรือมากกว่านี้ ตามความชอบ)
หัวกะทิ 2 ถ้วย
น้ำตาลทราย ครึ่งถ้วย
เกลือป่น พอประมาณ
ใบเตยตัดเป็นท่อนๆ 1-2 ใบ


วิธีทำเริ่มที่การต้มข้าวเหนียว โดยใช้ไฟอ่อนปานกลาง ใส่น้ำสะอาดลงในหม้อให้ท่วมข้าวเหนียวขึ้นมาประมาณ 2 นิ้ว ค่อยๆ คนไม่ให้ข้าวติดก้นหม้อ และระวังไม่ให้ข้าวข้นหรือแฉะเกินไป ใส่ใบเตยลงไปด้วยเพื่อความหอม แนะนำว่าถ้าใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูก็จะดีไม่น้อย เพราะเม็ดข้าวจะบานสวย แต่ถ้าไม่มีก็ใช้ข้าวเหนียวธรรมดาทั่วๆไปได้

ระหว่างนั้นก็หันมาคั้นน้ำกะทิที่ใช้โรยหน้า โดยผสมเกลือป่นให้มีรสเค็มนิดๆ แต่ถ้าไม่มีเวลาคั้นกะทิสดเองจะเลือกใช้กะทิกระป๋องก็ได้ พอข้าวเหนียวสุก เม็ดจะเริ่มบานก็ใส่น้ำตาลทรายลงไป ใส่เกลือเล็กน้อย ชิมรสชาติความหวานตามความพอใจ คนข้าวต่อไปอีกสักพัก แล้วจึงใส่เนื้อลำไย เมื่อสุกได้ที่ยกลงจากเตาได้เลย

แค่นี้ก็ได้ข้าวเหนียวเปียกลำไย ราดด้วยน้ำกะทิสด หอมกรุ่น น่ากิน แต่ถ้าอยากจะเพิ่มสีสันและรสชาติให้มีมากขึ้น อาจจะใส่เผือก แห้ว ข้าวโพด ลูกเดือย ลำไยแห้ง ลงไปด้วยก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

การทำ ข้าวเหนียวมะม่วง

ข้าวเหนียวมะม่วง

ส่วนประกอบที่ต้องเตรียม

ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม

มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม

น้ำตาลทราย 2 ขีด

เกลือเสริมไอโอดีน 1 ช้อนชา

มะม่วงสุก ถ้าเป็นอกร่องก็จะหวานแหลม หอมอร่อย ถ้าไม่มีอกร่องก็ใช้มะม่วงสุก อะไรก็ได้

มาถึงขั้นตอนการลงมือทำ ก็เริ่มจากแช่ข้าวเหนียวด้วยน้ำเย็นประมาณ 5-6 ชั่วโมง แล้วนึ่งให้สุก เวลานึ่งใช้ใบเตยสด รองด้วยจะทำให้ข้าวเหนียวสุกหอมกลิ่นใบเตย คั้นกะทิให้ข้น แยกหัวกะทิ และหางกะทิไว้ต่างหาก หัวกะทินำมาตั้งไฟเติมแป้ง ข้าวโพดเล็กน้อย ค่อยๆ คนให้เข้ากันจนกะทิเดือด เติมเกลือ (เสริมไอโอดีน) เล็กน้อย ชิมพอมันๆ ไม่ต้องเค็มมาก ส่วนหางกะทินำมาตั้งไฟเคี่ยวให้เดือด เติมน้ำตาลทราย ไม่ต้องหวานจัด แล้วเอา ข้าวเหนียวที่นึ่งสุกใหม่ๆ ลงไปคนในน้ำกะทิ ให้น้ำกะทิแห้งพอดี แล้วก็ตักข้าวเหนียวมูลราดด้วยน้ำหัวกะทิ เสิร์ฟกับมะม่วงสุกตามใจชอบ

และก็ถึงช่วงเวลาแห่งความสุขกับการลงมือหม่ำ “ข้าวเหนียวมะม่วง” หวานมัน ฝีมือตัวเองกันแล้ว แต่อย่าเผลอหม่ำมากไปจนน้ำหนักตัวพุ่งสูงตามอุณหภูมิก็แล้วกัน!!!

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

การทำ ข้าวต้มเห็ดหอม

การทำ ข้าวต้มเห็ดหอม
ข้าวสารหอมมะลิ 1 ถ้วยตวง
เห็ดหอมสด 3 ขีด
ซีอิ้วขาว 1-2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 3-4 กลีบ
พริกไทยเม็ด 3-4 เม็ด
ต้นหอม 1 ต้น (หั่นหยาบๆ)
ผักชีฝรั่ง 1 ต้น (หั่นหยาบๆ)
รากผักชี พอประมาณ
เกลือ พอประมาณ
น้ำมันพืช พอประมาณ
พริกไทยป่น พอประมาณ


วิธีทำก็เริ่มจากซาวข้าวให้สะอาด แล้วต้มข้าวให้สุกบานจนแตกเม็ด (วิธีทดสอบว่าข้าวสุกหรือยัง ก็ง่ายๆ แค่ลองบดๆ บี้ๆ ถ้าข้าวเม็ดแตกคามือ ก็เป็นอันว่าใช้ได้) อาจจะใส่เกลือหรือผงปรุงรสลงไปเพิ่มรสชาติข้าวต้มด้วยก็ได้

ระหว่างที่รอให้ข้าวสุกก็หันมาจับสาก เอ้ย !?! ไม้ตีพริก โขลกกระเทียม พริกไทย รากผักชีและเกลืออีกนิดหน่อยให้ละเอียด กลิ่นจะได้หอมหวนชวนรับประทานเข้าไปอีก

จากนั้นก็นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันลงไป พอร้อนใส่เครื่องที่โขลกลงผัดให้หอมด้วยไฟอ่อน ๆ ใส่เห็ดหอมสดที่ล้างสะอาดดีแล้วผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ทีนี้ล่ะทั้งน้ำในเห็ดและน้ำในเครื่องปรุงรส ออกมาส่งกลิ่นหอมฉุยเชียว

เสร็จแล้วตักข้าวใส่ถ้วย ราดด้วยเครื่องเห็ดที่ผัด โรยหน้าด้วยต้นหอม ผักชี พริกไทยป่น ปรุงรสด้วยพริกน้ำส้มตามใจชอบ

แค่นี้ก็ได้กรุ่นกลิ่นหอมๆ ของ “ข้าวต้มเห็ดหอม” ลอยมาเตะจมูก ซดข้าวต้มให้คล่องคอในมื้อเช้า เพิ่มพลังให้กับการทำงานได้อย่างสบายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

การทำ ข้าวคลุกกะปิ

การทำ ข้าวคลุกกะปิ

ข้าวเจ้าที่หุงแล้ว 1 จาน
กะปิ 1 ช้อน
มะม่วงเปรี้ยว ครึ่งลูก
หัวหอมซอย 4 หัว
กุ้งแห้ง 1 กำมือ
ไข่ 2 ฟอง
เนื้อหมูติดมันนิดๆ
ซีอิ๊วหวาน 2 ช้อน
น้ำตาลปี๊บ 1-2 ช้อน
พริกแห้งทอดกรอบ

หลังจากที่เตรียมเครื่องปรุงแล้ว ก็นำกะปิมาคลุกกับข้าวเจ้าร้อนๆ ให้ทั่ว พยามอย่าให้กะปิจับตัวเป็นก้อน นำไปผัดให้แห้งโดยไม่ต้องปรุงรสเพราะมีความเค็มของกะปิอยู่แล้ว เสร็จแล้วพักไว้สักครู่ จากนั้นทอดไข่เจียว แล้วหั่นซอยเป็นเส้น ตั้งกระทะต่อนำกุ้งแห้งลงไปทอดให้กรอบ พักไว้บนกระดาษทิชชูเพื่อซับน้ำมัน ตั้งน้ำมันให้เดือดอีกครั้ง นำหมูที่หั่นไว้ลงไปผัดให้สุก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วหวาน และน้ำตาลปี๊บเคี่ยวพอประมาณ ส่วนมะม่วงเปรี้ยวปอกเปลือกแล้วสับให้เป็นเส้น จากนั้นนำทุกอย่างค่อยๆคลุกเคล้าให้เข้ากัน จะได้รสชาติที่ถึงใจจริงๆ....

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

การทำ ข้าวผัดต้มยำกุ้ง

การทำ ข้าวผัดต้มยำกุ้ง

เครื่องปรุง

ตะไคร้ 1 ต้น
ใบมะกรูดหั่น 4-5 ใบ
ใบผักชีหั่น 4-5 ใบ
เห็ดฟาง 50 กรัม
กุ้งสด 3 ตัว
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ข้าวสวย 1 จาน
ผงต้มยำ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช น้ำตาล น้ำปลา น้ำมะนาว

วิธีทำ เริ่มจากนำตะไคร้ ใบมะกรูด และใบผักชีฝรั่ง มาผัดกับน้ำมันพืชให้มีกลิ่นหอม แล้วตีไข่ใส่กระทะ รอสักครู่ให้ไข่เริ่มสุกแล้วจึงนำข้าวสวย เห็ดและกุ้งสด ลงไปผัดให้ทั่วกันดี จากนั้นเพิ่มรสชาติต้มยำด้วยการโรยผงต้มยำ ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด หรือจะให้ง่ายกว่านั้น เอาผงมาม่ารสต้มยำที่เคยกินเหลือๆ ไว้มาผัดแทนก็ยังได้ ("กุ๊กเล็ก" คนหนึ่งล่ะที่กินเหลือประจำ) เสร็จเรียบร้อยแล้วชิมรสดู หากจี๊ดจ๊าดถูกใจก็เป็นอันจบ แต่ถ้ารสชาติยังไม่ถูกปากก็เติมน้ำตาล น้ำปลา มะนาวปรุงรสชาติได้ตามชอบใจ จัดใส่จานคู่กับแตงกวาเสิร์ฟได้เลย

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

การทำข้าวผัดแกงเขียวหวานปลาสลิด

ข้าวผัดแกงเขียวหวานปลาสลิด

เครื่องปรุง
เนื้อปลาสลิดทอดสุก 1 ตัว
หัวกะทิคั้นสด 1/2 ถ้วยตวง
หางกะทิ 1 ถ้วยตวง
เนื้อหมูหั่นบางๆ 2 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าหั่น 5 เม็ด
มะเขือพวง 2 ลูก
ข้าวสวยหุงสุก 2 ถ้วย
ใบโหระพาเด็ดพอประมาณ ใบมะกรูดซอย น้ำมันพืช น้ำปลา น้ำตาล แตงกวา ผักกาดหอม มะเขือเทศ

เครื่องแกง
กระเทียมซอย 1-2 หัว
พริกไทยเม็ด 20 เม็ด
ตะไคร้หั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูเขียว 7-8 เม็ด
กระชายหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
ลูกผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
ยี่หร่า 1/2 ช้อนชา
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
ข่าหั่นเป็นแว่น 2-3 แว่น
ผิวมะกรูด เกลือป่น

ข้าวผัดแกงเขียวหวานปลาสลิด
วิธีทำ

เริ่มจากการทำพริกแกงก่อนโดยการลูกผักชีกับยี่หร่ามาคั่วให้มีกลิ่นหอมแล้วนำไปป่นให้ละเอียดจากนั้นหันมาโขลกพริกไทยเม็ด กระเทียมซอย ข่า ตะไคร้ พริกขี้หนู กระชาย ผิวมะกรูด เกลือป่น และกะปิให้เข้ากันเมื่อทำพริกแกงเสร็จเรียบร้อยแล้วพักทิ้งไว้

จากนั้นตั้งหม้อบนเตาไฟอ่อนๆเติมน้ำมันพืชเล็กน้อยนำเครื่องพริกแกงมาเทลงแล้วคั่วให้หอมนำเนื้อหมูใส่ลงไป เติมหัวกะทิเคี่ยวจนกะทิแตกมัน แล้วก็หางกะทิลงไปเคี่ยวจนเข้าที่ จึงเติมน้ำสะอาดตามในปริมาณที่ไม่ต้องมากนัก

ปรุงรสด้วยน้ำปลากับน้ำตาล ใส่ใบมะกรูด พริกชี้ฟ้า ใบโหระพา มะเขือพวง เมื่อสุกแล้วยกลงจากเตาพักไว้สักครู่จากนั้นตักแกงเขียวหวานที่ได้มาผัดคลุกกับข้าวสวยหุงสุกที่เตรียมไว้
อ้อ..อย่าลืมนำปลาสลิด(ฉีก)ส่วนหนึ่งลงไปคลุกเคล้า จากนั้นตักแบ่งใส่จาน พร้อมนำเนื้อปลาส่วนที่เหลือมากินแกล้ม พร้อมด้วยแตงกวา ผักกาดหอม มะเขือเทศ หรือผักอื่นๆตามความเหมาะสม ก็เป็นอันเสร็จไปอีกหนึ่งมื้อ

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

การทำ กุ้งราดซอสมะขาม สามรส

การทำ กุ้งราดซอสมะขาม สามรส

เครื่องปรุง
กุ้งก้ามกราม 5-6 ตัว
พริกแห้งหั่นท่อนสั้นทอด ¼ ถ้วย
หอมแดงเจียว ¼ ถ้วย
กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดทอด 3-4 ใบ
เส้นหมี่ทอด ¼ ถ้วย
น้ำตาลปี๊บ 1/4 ถ้วย
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก ¼ ถ้วย
น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับทอดกุ้ง 4 ถ้วย

ขั้นตอนการทำเริ่มแรกก็ล้างกุ้งให้สะอาด แกะเปลือกออก ส่วนหัวกับหางนั้นให้เหลือไว้ จัดการผ่าหลังชักเส้นดำออกโดยผ่าให้ลึกๆ แต่ไม่ให้ขาด กุ้งจะได้สวยๆ จากนั้นก็เอากุ้งไปทอดด้วยไฟร้อนปานกลาง พอทอดกุ้งสุกเหลืองก็ตักขึ้นมาให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วพักไว้ก่อน เพราะต้องไปทำน้ำซอสมะขาม

ซึ่งการทำน้ำซอสมะขามก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยน้ำตาล จากนั้นก็เคี่ยวจนเริ่มมีสีเข้มและข้นขึ้น แล้วก็ใส่น้ำปลา น้ำมะขามเปียก ตามด้วยน้ำเปล่า เคี่ยวต่อไปอีกสักครู่ ก็เป็นอันว่าทำน้ำซอสมะขามเรียบร้อย

ต่อจากนั้นก็บรรจงจัดหอมแดงเจียว กระเทียมเจียว พริกแห้งทอด ใบมะกรูดทอด เส้นหมี่ทอด วางที่มุมจาน ต่อด้วยกุ้งทอดวางเรียงให้สวย ราดน้ำซอสมะขามลงบนตัวกุ้ง โรยด้วยพริกเหลือง พริกแดง พริกเขียว ที่หั่นฝอยเล็กๆ เท่านี้ก็ได้กุ้งราดซอสมะขาม รสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม สุดกลมกล่อมมาทานอีกหนึ่งจานแล้ว

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

การทำ กุ้งฟูผัดพริกขิง

การทำ กุ้งฟูผัดพริกขิง
ส่วนผสมที่ต้องเตรียม

กุ้งแชบ๊วย 1 1/2 ขีด
พริกแกง 1 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 1/2 ถ้วย
พริกไทยอ่อน กระชาย ใบมะกรูด รวมกัน 1/2 ขีด
ใบโหระพา 1 กำ
พริกสับ และกระเทียมสับ รวมกัน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนชา
ไข่เค็ม (เอาไว้กินเป็นเครื่องเคียง) 1 ลูก

ขั้นแรกการทำ เริ่มจากตั้งกระทะใส่น้ำมันนิดหน่อย นำกะทิลงไปเคี่ยวให้แตกมัน จากนั้นใส่พริกสับและกระเทียมสับลงไป ใส่พริกแกงตามลงไปเคี่ยวจนพริกแกงและกะทิแตกมัน แล้วปรุงรสให้ได้รสเค็มๆ หวานๆ ทีนี้ก็ใส่พริกไทยอ่อน กระชาย ใบมะกรูดลงไป เร่งไฟให้แรงขึ้นและใส่ใบโหระพาลงไป พักทิ้งไว้สักครู่

จากนั้นก็หันมาทำกุ้ง นำกุ้งขาวที่เตรีมไว้มาลวกให้สุก แกะเปลือกออกแล้วสับให้ละเอียดๆ และนำมาคลุกกับน้ำมันพืชพอชุ่มๆ

ทีนี้ก็ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ท่วม รอให้ร้อน ก็ตักกุ้งที่คลุกน้ำมันแล้วลงทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้ดูพอเหลืองตักขึ้นพักไว้ และนำมาใส่จาน ตักน้ำผัดเผ็ดที่ทำไว้แล้วมาราด เป็นว่าเสร็จสรรพได้กับแกล้มจานเด็ด “กุ้งฟูผัดพริกขิง” อ้อ!! อย่าลืมหั่นไข่เค็มเป็นซีกๆ เอาไว้กินแกล้มเข้ากันดี เพียงแค่นี้ ก็มีกับแกล้มรสเลิศ เอาไว้กินคู่กับเบียร์เย็นๆ อิ่มท้องสบายกระเพาะกันไป

สูตรอาหาร เมนูอาหาร

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ กุ้งนึ่งเนยราดกระเทียม

การทำ กุ้งนึ่งเนยราดกระเทียม

ส่วนผสม

กุ้งทะเล(หรือกุ้งอะไรก็ได้แล้วแต่ชอบ) 3 ตัว (ประมาณ 300 กรัม)
หน่อไม้ฝรั่ง 300 กรัม
กระเทียมสับหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ
หอมซอย 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น ¼ ช้อนชา
ซีอิ้วขาว 4 ช้อนชา
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
น้ำมันหอย 3 ช้อนชา
น้ำตาล ½ ช้อนชา
เนย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป ½ ถ้วยตวง

ส่วนวิธีทำก็เริ่มจากล้างกุ้งให้สะอาด ตัดเปลือกตามแนวยาวตั้งแต่หัวถึงหาง ใช้มีดผ่ากลางหลังเอาเส้นกลางหลัง(หรือรู้จักกันว่า เส้นขี้)ออก บากใต้ท้อง 2-3 รอยเพื่อไม่ให้กุ้งงอเมื่อนึ่งสุก แล้วจัดแจงนึ่งกุ้งให้พอสุก อาจจะใช้เตานึ่ง หรือใช้ไมโครเวฟก็ได้ จากนั้นนำน้ำซุปผสมกับซีอิ้วขาว น้ำมันหอย น้ำมันงา และพริกไทยป่น จากนั้นนำกระทะมาตั้งไฟอ่อนใส่เนย พอละลายได้กลิ่นหอมก็ใส่กระเทียมและน้ำซุปที่เตรียมไว้ลงไปผัด เติมน้ำตาลเล็กน้อยแล้วคนให้ทั่วจึงดับไฟ สำหรับหน่อไม้ฝรั่ง ตั้งน้ำให้เดือด แล้วใส่หน่อไม้ฝรั่งลงไปลวกพอสุกแล้วเอาขึ้นทันที

จากนั้นนำกุ้งวางเรียงบนจานเคียงด้วยหน่อไม้ฝรั่ง แล้วนำน้ำซุปเนยกระเทียมราดให้ทั่ว โรยต้นหอมพอสวยงาม พร้อมรับประทานได้ทันที รับรองว่าทำง่ายและถ้าเด็กๆได้ยลโฉมและลิ้มลองแล้วจะต้องติดใจไปตามๆกัน

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ กุ้งกุลาดำผัดพริกสามสี

การทำ กุ้งกุลาดำผัดพริกสามสี

ส่วนผสม

กุ้งกุลาดำ 6-7 ตัว
พริกยักษ์สีเหลือง ครึ่งลูก
พริกยักษ์สีเขียว ครึ่งลูก
พริกยักษ์สีแดง ครึ่งลูก
ไวน์ขาว 2 ช้อนโต๊ะ
ผักกรีนโอ๊ค, เรดโอ๊ค (ผักไฮโดรโปนิกส์) อย่างละ 1 ต้น
หอมใหญ่สับ ครึ่งลูก
หอมแดงสับ 3 หัว
กระเทียมสับ 5 กลีบ
เกลือ 1/4 ช้อนชา
พริกไทย 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ เริ่มจากนำกุ้งกุลาดำที่เตรียมไว้ลงผัดในน้ำมันมะกอก ตามด้วยหอมใหญ่สับ หอมแดงสับ และกระเทียมสับ ผัดให้เข้าเนื้อกันดี แล้วปรุงรสด้วยไวน์ขาว จากนั้นก็นำพริกยักษ์ทั้งสามสีลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสอีกครั้งด้วยเกลือและพริกไทย แล้วจึงนำมาจัดใส่จานและตกแต่งด้วยผักกรีนโอ๊คและเรดโอ๊คให้สวยงามเป็นอันเสร็จ

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำกุ้งกุลาดำผัดซอสพริกฝรั่ง

การทำกุ้งกุลาดำผัดซอสพริกฝรั่ง

กุ้งกุลาดำตัวใหญ่ 6 ตัว
พริกฝรั่งแดงย่าง 1 เม็ดใหญ่
บล็อคโคลี่ ½ ดอก
กระเทียมสับ ½ ช้อนชา
ไวน์ขาว 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ น้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทยดำ


สำหรับวิธีการทำนั้นก็เริ่มจากนำบล็อกโคลี่ผัดกับน้ำมันมะกอกเสร็จแล้วพักไว้

จากนั้นเจียวกระเทียมสับให้พอสุกมีกลิ่นหอม แล้วนำกุ้งลงผัดประมาณ 1-2 นาที ปรุงรสด้วยไวน์ขาว ผัดอีกประมาณ 1 นาที ตามซอสมะเขือเทศและพริกฝรั่งแดง ผัดให้เข้ากัน แล้วปรุงรสอีกครั้งด้วย เกลือ พริกไทยดำ

เท่านี้ก็เป็นอันว่าเสร็จตักใส่จานวางเคียงกับผักบล็อกโคลี่ กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ อิ่มสบายท้องกันไปอีกหนึ่งมื้อ

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำก๋วยจั๊บเข้มข้น

การทำก๋วยจั๊บเข้มข้น


เครื่องปรุง
เส้นกวยจั๊บต้มสุก 2 ถ้วย
ไข่ไก่ต้มปอกเปลือก 1 ฟอง
หมูกรอบ 4 ชิ้น
อบเชยป่น(หรือผงพะโล้) 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วดำอย่างหวาน 4 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 1/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
ต้นหอมและผักชีซอยสำหรับโรยหน้า 1 ช้อนโต๊ะ
เต้าหู้สี่เหลี่ยมทอดกรอบหั่นชิ้นขนาดพอคำ ¼ ถ้วยตวง
ตับหมู เลือดหมู เนื้อหมู อย่างละ 1-2 ชิ้น


อันดับแรกก็ต้มน้ำให้เดือด ใส่อบเชยป่น ซีอิ้วดำ ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย เกลือ ลงไป ตามด้วยไข่ไก่ต้มสุก เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 30 นาที จากนั้นก็ตักเส้นกวยจั๊บใส่ชาม ตักน้ำเครื่องปรุงราด และตามด้วยไข่ไก่ผ่าซีก เต้าหู้ทอดกรอบ หมูกรอบ ตับหมู เลือดหมู เนื้อหมู โรยหน้าด้วยต้นหอมและผักชี แค่นี้ก็เรียบร้อย

แต่ถ้าอยากให้อลังการงานสร้างกว่านี้ ก็อาจจะใส่โคนปีกไก่และเห็ดหอมลงไปด้วย หรือถ้าอยากกินแบบกวยจั๊บน้ำข้น ก็เพียงแค่ใส่แป้งข้าวเจ้าหรือแป้งข้าวโพดก็ได้ ใส่ลงไปตอนที่ต้มเส้นกวยจั๊บแล้วคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ก็จะได้อีกหนึ่งรสชาติ

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ

การทำ ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ

เครื่องปรุงที่ต้องเตรียม
เส้นใหญ่ 1 ถ้วยตวง
หมูสับลวกสุก ½ ขีด
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง ½ ช้อนชา
น้ำตาล ½ ช้อนชา

ผักที่ต้องใส่มีถั่วฝักยาว มะเขือเทศ หอมใหญ่ และแครอทหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หรือจะใส่ผักอย่างอื่นก็ได้ตามแต่ชอบ
ส่วนผักกาดหอม ผักชีเอาไว้ตกแต่ง
น้ำเปล่า ซีอิ้วดำ น้ำมันพืช พริกไทย


สำหรับขั้นตอนการทำนั้นแสนง่าย เริ่มจากผัดเส้นกันก่อน โดยตั้งกระทะใส่น้ำมันนิดหน่อยนำเส้นใหญ่ลงผัดกับซีอิ๊วดำ ผัดคลุกเคล้าเข้ากันจนเส้นสุก แล้วก็ตักพักทิ้งไว้

จากนั้นหันมาทำน้ำราด โดยนำน้ำเปล่ามาตั้งไฟแล้วใส่แป้งมันลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นตีน้ำให้พอเหนียวแล้วใส่ซอสมะเขือเทศ ซอสถั่วเหลือง น้ำตาลลงไปปรุงรส แล้วก็ตามด้วยใส่หมูสับลงไป พร้อมกับผักผัดให้ทุกอย่างเข้ากันอีกที ก็เป็นอันว่าใช้ได้

ทีนี้ก็นำน้ำราด มาราดลงบนเส้นใหญ่ที่จัดใส่จานรองด้วยผักกาดหอมไว้ ก็เป็นอันว่าเสร็จสรรพพร้อมกิน แต่งหน้าด้วยผักชีและโรยพริกไทยอีกนิดหน่อย ก็อร่อยไปกับ “ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ” น้ำขลุกขลิก เส้นนุ่มเคี้ยวหนึบหนับ รสชาติหอมนุ่มละมุนลิ้น

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ ก๋วยเตี๋ยวผัดแห้งแต้จิ๋ว

การทำ ก๋วยเตี๋ยวผัดแห้งแต้จิ๋ว
ส่วนผสม

ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 250 กรัม
ผักคะน้าหั่นเป็นแว่นกลมๆ 100 กรัม
ถั่วงอก 50 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
หัวไชโป้วชนิดหวานสับหยาบ 50 กรัม
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
น้ำมันพืช (ใช้เพียงนิดเดียวสำหรับผัด)


ขั้นตอนการทำอาหารจีนแบบง่ายๆ เมนู “ก๋วยเตี๋ยวผัดแห้งแต้จิ๋ว” นี้ เริ่มจากนำเส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่มาคั่วด้วยไฟอ่อนๆ คั่วจนให้เส้นหอม จากนั้นใส่ไข่ไก่ ผักคะน้า หัวไชโป้ว ลงผัดให้เข้ากัน และปรุงรสตามใจชอบ แล้วก็ผัดเครื่องปรุงทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกที

หลังจากนั้นก็เร่งไฟให้แรงมากขึ้น แล้วใส่ถั่วงอกลงไป ผัดให้ขึ้นกลิ่นหอม ก็เป็นอันว่าใช้ได้ ทำเสร็จตักใส่จานหรือชามที่เตรียมไว้ คีบเส้นก๋วยเตี๋ยวกินตอนร้อนๆ อร่อยกันไปอีกหนึ่งมื้อ

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

การทำ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

เครื่องปรุง
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 1 ถ้วย
เนื้อไก่ (เลือกใช้ส่วนสะโพกติดมันนิดๆ) 100 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน 5-6 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอม ผักชี 2 ต้น
ผักกาดหอมเด็ดเป็นใบ 1 ต้น


เตรียมเครื่องปรุงส่วนผสมเสร็จสรรพ ก็จับไก่มาหั่นเป็นชิ้นพอคำ ซึ่งถ้าใครขยันหน่อยก็อาจจะหมักไก่ โดยใส่ซอสปรุงรส น้ำมันหอย พริกไทย น้ำตาล อย่างละพอประมาณ หมักทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง (“กุ๊กเล็ก”เคยได้ยินว่าถ้าใส่นมสดกับน้ำมันพืชผสมเข้าไปด้วย ก็จะช่วยให้เนื้อไก่นุ่มเด้งเช้งกะเด๊ะขึ้น สงสัยวันหลังต้องลองทำดูบ้างแล้ว)

เอาเป็นว่าหลังจากจัดการกับไก่แล้ว ก็หันมาจับตะหลิวตั้งกระทะใส่น้ำมัน อ้อ !! ขอคั่นรายการนิดนึง ถ้าหากว่าใครใช้กระทะเทปลอนก็คงไม่มีปัญหาเรื่องเส้นติดกระทะ แต่ถ้าใครใช้กระทะธรรมดาแนะนำว่าให้เผากระทะก่อน ด้วยการเปิดไฟแรงจนน้ำมันร้อนเป็นควัน เทน้ำมันทิ้ง แล้วเอาน้ำมาราดกระทะเร็วๆเพื่อล้างน้ำมันที่ไหม้ออกไป จะช่วยให้เส้นไม่ติดกระทะได้ดีเชียวล่ะ

พักคั่นด้วยกลเม็ดเคล็ดลับแล้วก็มาทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กันต่อ เริ่มด้วยใส่น้ำมันเล็กน้อยในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน เอาไก่ลงไปผัดให้สุก ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยว ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่เหลือผัดให้เข้ากัน ผัดให้เส้นร่วนไม่ติดกันก่อนจะตอกไข่ ใส่ต้นหอม ลงไปผัดอีกนิดหน่อย เสร็จแล้วก็ตักใส่จานที่รองด้วยผักกาดหอม โรยต้นหอมผักชีซอย ใส่พริกไทย น้ำส้ม พริกป่น ตามรสนิยมลิ้น แค่นี้มื้อนี้ก็อิ่มอร่อยแล้ว

แต่ถ้าอยากให้อลังการเพิ่มขึ้นไม่อยากกินไก่อย่างเดียว ก็อาจจะเติมตับอ่อนหมู ปลาหมึกแช่ด่าง และตั้งฉ่าย ลงไปผัดด้วย พร้อมกับกินคู่กับปาท่องโก๋กรอบๆ ก็จะได้รสชาติความอร่อยยิ่งขึ้นจ้า

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ กระท้อนลอยแก้ว

การทำ กระท้อนลอยแก้ว

สำหรับส่วนผสมของ “กระท้อนลอยแก้ว”

กระท้อนปุยฝ้าย 3 ลูก (เลือกที่แก่จัด เพราะจะได้เนื้อที่หวานและปุยนุ่ม)
น้ำตาลทราย 2/3 ถ้วย
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำร้อน 1 ถ้วย
น้ำสะอาดหรือน้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วย


เมื่อเตรียมส่วนผสมกันพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาโชว์ฝีมือปลายจวักกัน เริ่มจากชงน้ำร้อนกับเกลือ คนจนเกลือละลายแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง และทิ้งไว้ให้เย็น หันมาปอกเปลือกกระท้อนออกให้เกือบถึงปุย ใช้มีดแซะเนื้อระหว่างเมล็ดออกและหั่นกระท้อนออกเป็นชิ้นๆ แล้วนำลงแช่ในน้ำเกลือที่ทำรอไว้แล้ว

ทีนี้ก็มาทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำสะอาด (หรือน้ำลอยดอกมะลิ จะช่วยให้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิ)เข้าด้วยกัน และยกตั้งไฟคนให้น้ำตาลละลาย แล้วกรองเอาผงออก จากนั้นก็ล้างภาชนะที่ทำให้สะอาด แล้วเทน้ำเชื่อมใส่ลงไปเคี่ยวต่ออีกที จนได้น้ำเชื่อมที่ข้นกำลังดีก็เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วช้อนกระท้อนขึ้นจากน้ำเกลือทิ้งให้สะเด็ดน้ำ และใส่ลงในชามน้ำเชื่อม ใส่เกลือลงไปในน้ำเชื่อมเล็กน้อยคนให้เข้ากัน ให้พอมีรสหวานเค็มนิดๆ ก็เป็นอันว่าใช้ได้ ได้ “กระท้อนลอยแก้ว” ที่พอเวลาจะกินก็แค่ใส่น้ำแข็งลงไป กินแล้วเย็นกายหวานชื่นใจดีจริงๆ

การทำกระทงทอง

การทำกระทงทอง

ส่วนผสมของแป้ง

แป้งสาลีร่อน 1 ถ้วย
แป้งข้าวจ้าวร่อน 1 1/2 ถ้วย
หัวกระทิ 6 ช้อนโต๊ะ
ไข่เป็ด 1 ฟอง
เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
น้ำปูนใส 1 ถ้วย
น้ำมันสำหรับทอด


ส่วนผสมของไส้

หมูหั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ1/2 ถ้วย
แครอท มันสำปะหลัง ถั่วแขกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ รวมกัน 1/2 ถ้วย
พริกไทย รากผักชี กระเทียม โขลกละเอียดรวมกัน 1/3 ถ้วย
น้ำมัน 1/3 ถ้วย
ซีอิ้วขาว น้ำตาล สำหรับปรุงรส


เมื่อเตรียมส่วนผสมกันพร้อมแล้ว ก็ลงมือทำกันได้เลย เริ่มจากการทำแป้งกระทงทองกันก่อน โดยนำแป้งสาลีกับแป้งข้าวจ้าวที่ร่อนแล้วมาผสมกับหัวกะทิ ใส่ไข่เป็ดลงไป ผสมให้เข้ากัน เติมน้ำปูนใสลงไป ถ้าแป้งเป็นเม็ดให้กรองก่อนนำไปทอด

พอได้ส่วนผสมของแป้งแล้วก็นำมาทอด โดยใช้พิมพ์กระทงทองจุ่มลงไปในน้ำมันที่ร้อนจัด เพื่อให้แม่พิมพ์ร้อน น้ำมันต้องท่วมแม่พิมพ์ พอแม่พิมพ์ร้อนแล้ว นำแม่พิมพ์ไปชุปแป้งที่ผสมไว้แล้ว ให้แป้งติดทั่วแม่พิมพ์ด้านนอก แล้วรีบยกออกลงไปทอดในน้ำมันให้เหลือง กรอบ แล้วถอดออกจากแม่พิมพ์

คราวนี้มาทำไส้ เริ่มจากใส่น้ำมันลงในกระทะตั้งไฟกลางๆ พอร้อน ใส่เครื่องที่โขลกผัดให้หอม ใส่หมู แครอท มันสำปะหลัง ถั่วแขกลงผัด ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว น้ำตาล ผัดให้สุกพอประมาณ ชิมรสชาติให้ออกหวานๆ เค็ม ยกลง ตักใส่กระทงทองที่เตรียมไว้เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกระบวนการทำ พร้อมที่จะหม่ำกันได้ตามสบาย

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ กระเพราขี้บ่น รสเผ็ดสะใจ

การทำ กระเพราขี้บ่น รสเผ็ดสะใจ

ปูอัด เบคอน แหนม ปลาหมึกยัดไส้ กุ้งกุลา อย่างละนิดพอประมาณ
เห็ดฟาง แครอท ข้าวโพดอ่อน อย่างละนิดเหมือนกัน
กระเทียมสับหยาบๆ 1 ช้อนชา
พริกขี้หนูสวนทุบพอบุบๆ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง 1-2 เม็ด
ใบกระเพรา 1 กำมือ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ


จากนั้นก็ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมัน ตามด้วยกระเทียมสับ เจียวให้เหลืองแล้วใส่พริกขี้หนูลงไป พอได้กลิ่นความเผ็ดโชยมาก็ใส่น้ำมันหอยผัดให้เข้ากัน แล้วใส่สารพัดเนื้อสัตว์ที่มีลงไปผัด พอทุกอย่างสุกได้ที่ก็ใส่สารพัดผักที่มีตามด้วยน้ำปลา น้ำตาล ลงไป ใส่พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง ใส่ใบกระเพราเป็นลำดับสุดท้าย เห็นใบกระเพรายุบตัวก็ตักใส่จานทันที เคล็ดลับความอร่อยของจานนี้อยู่ที่ว่าต้องรอให้กระทะร้อนจัดจริงๆ และทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว

อืม...เห็นว่าช้าแล้วจะไม่ได้การ “กุ๊กเล็ก” ขอตัวไปทำกระเพราขี้บ่น ให้คนขี้โลภที่บ้านทานด้วยดีกว่า น้ำลายชักสอขึ้นมาอีกรอบแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

กระเพราเนื้อสับพริกไทยอ่อน

กระเพราเนื้อสับพริกไทยอ่อน

สำหรับส่วนผสมก็มี
เนื้อสับหยาบๆ 1 ขีด
พริกสด 2 - 3 เม็ด
กระเทียม 3 - 4 กลีบ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยอ่อน กระเพราเด็ดเป็นใบๆ กระชายซอยเป็นเส้นๆ
น้ำปลา น้ำตาล ซอสปรุงรส ปริมาณตามความชอบ


ได้ส่วนผสมครบแล้วก็ลงมือตำพริกกับกระเทียมเข้าด้วยกันแต่ไม่ต้องละเอียดมาก จากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน พอร้อนแล้วใส่พริกกับกระเทียมที่โขลกลงไปผัดให้มีกลิ่นหอม ตามด้วยเนื้อสับ ซอสปรุงรส น้ำปลา น้ำตาล ผัดคลุกเคล้าเข้ากันจนเนื้อสุก ซึ่งตอนนี้อาจะเติมน้ำหรือน้ำซุปลงไปด้วยนิดหน่อย บรรเลงเพลงผัดสักครู่ จึงใส่กระชาย และพริกไทยอ่อน เพื่อเพิ่มรสชาติให้ดุเด็ดเผ็ดร้อนยิ่งขึ้น

ตบท้ายด้วยการใส่ใบกระเพราลงไปผัด ให้ใบกระเพรายุบตัว พร้อมกับโชยกลิ่นหอมๆ ผสมอาการแสบๆคันๆรูจมูกของคนรอบข้าง แค่นี้พิธีกรรมเสกอาหารจานอร่อย แต่มากด้วยคุณค่าสมุนไพรไทยนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น เหลือแต่พิธีกินที่ต้องรีบไปตักข้าวร้อนๆ ราดด้วย “กระเพราเนื้อสับพริกไทยอ่อน” หรือใครจะทำไข่ดาวมาเสริมทัพท้องก็เก๋ไปอีกแบบ

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำไข่ลูกเขยทรงเครื่อง

การทำไข่ลูกเขยทรงเครื่อง

สำหรับเครื่องปรุงที่ต้องเตรียมก็มี

ไข่ไก่ 5 ฟอง
เนื้อหมู 1 ขีด
หัวหอมแดง 10 หัว
กระเทียมกลีบใหญ่ 10 กลีบ
ผักชี, พริกแดงทอด
น้ำตาบปีบ, น้ำปลา,น้ำมะขามเปียก, น้ำมันสำหรับทอด


สำหรับขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยากอะไร เริ่มจากต้มไข่ไก่ให้สุก และปอกเปลือกให้เรียบร้อย แล้วพักทิ้งไว้ก่อน จากนั้นหันมานำหัวหอมแดงและกระเทียม มาซอย ส่วนเนื้อหมูก็เอามาสับให้ละเอียด ผสมน้ำปลาลงไปเล็กน้อย

จากนั้นนำไข่ไก่ที่ปอกเปลือกเรียบร้อยแล้วลงทอดในน้ำมันให้เหลือง พร้อมเจียวหอมกับกระเทียมให้เหลืองหอม ก่อนจะนำหมูสับลงทอดในน้ำมันให้สุกเหลือง

ทีนี้ก็มาถึงการทำน้ำราดไข่ ให้ใช้น้ำมันที่เจียวหอมเล็กน้อย ใส่น้ำตาลลงเคี่ยว(คะเนตามความเหมาะสม) จนน้ำตาลละลายเหนียว ตามด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก ชิมรสตามชอบใจ (แต่ท่าจะให้อร่อยก็ต้องออกหวานนำเปรี้ยวตามนิดๆ)

พอได้น้ำราดเสร็จสรรพ นำไข่ใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ใส่หมูทอด ราดด้วยน้ำที่ปรุงไว้ โรยด้วยหอมเจียว กระเทียมเจียว ผักชี และพริกแดงทอด เป็นอันว่าเสร็จสมบูรณ์ ตักข้าวสวยร้อนๆกินกับ “ไข่ลูกเขยทรงเครื่อง” อิ่ม อร่อย ไปอีกหนึ่งมื้อ

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ ไข่น้ำ

การทำ ไข่น้ำ

ไข่ไก่ (ไว้ทำไข่เจียว) 1 ฟอง
หอมใหญ่ (หั่นเป็นชิ้นๆ) ½ หัว
ผักกาดขาว (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ) 5-6 ใบ
หมูสับ 1 ขีด
ขึ้นฉ่าย (หั่นเป็นท่อนสั้นๆ) 1 ต้น
น้ำซุป 1 ถ้วย
น้ำปลา 1 ช้อนชา
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนชา
ตั้งฉ่าย (หนึ่งหยิบมือ)
กระเทียมเจียว ผักชี ต้นหอม และพริกไทยป่น (นิดหน่อยเอาไว้โรยหน้า)

สำหรับวิธีการทำก็แสนจะง่ายดาย โดยเริ่มจากทำไข่เจียวกันก่อนเลย (ซึ่งไข่เจียวที่ว่านี้ต้องปรุงรสนิดหน่อยด้วยน่ะ) พอทอดไข่เจียวเสร็จสรรพแล้วก็หั่นเป็นชิ้นๆ แล้วนำมาพักไว้ก่อน

จากนั้นนำน้ำซุปใส่ลงหม้อต้มให้น้ำซุปพอร้อน ใส่ตั้งฉ่ายลงไปแล้วก็ปรุงรสด้วยน้ำปลา และซีอิ้วขาว จากนั้นนำหมูสับใส่ลงไป พอหมูเริ่มสุกได้ที่ให้ใส่ผักกาดขาว หอมใหญ่ และขึ้นฉ่ายตามลงไป และต้มต่อไปจนผักสุก ก็ใส่ไข่เจียวที่ทอดไว้แล้วลงไปทันที แล้วก็คนคลุกเคล้าให้เครื่องทุกอย่างเข้ากัน เป็นอันว่าใช้ได้ที่

พร้อมตักใส่ชามและโรยหน้าด้วย กระเทียมเจียว ผักชี ต้นหอมและพริกไทยอีกที แค่นี้ก็ได้ “ไข่น้ำ” ร้อนๆ ไว้กินกับข้าวสวย ช่วยให้อิ่มสบายท้องกันไปอีก 1 มื้อ

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ ไข่ตุ๋นในพริกหวาน

การทำ ไข่ตุ๋นในพริกหวาน

พริกหวานสีแดง 1 ลูกโต
ไข่ไก่ 2 ฟอง
ถั่วฝักยาว ครึ่งฝัก
พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง 2-3 เม็ด
กุ้งแห้ง 5-6 ตัว
กุ้งสด 1 ตัว
แครอท เกลือ แตงกวา และผักชีสำหรับตกแต่ง

หลังจากที่เตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ก็ให้นำพริกหวานมาปาดตรงหัวที่มีขั้วพริกออก ซึ่งอาจใช้มีดคว้านเสียบบนตัวพริกขึ้นลงแบบสลับฟันปลา เพื่อความสวยงาม จากนั้นคว้านไส้และส่วนเกินออกมาให้หมด แล้วตีไข่ให้ขึ้นฟู แครอทหั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ ถั่วฝักยาวก็หั่นเป็นแว่น กุ้งแห้งก็แช่น้ำร้อน แล้วนำมาสับละเอียด พริกชี้ฟ้าให้หั่นแบบเฉียง

เสร็จสรรพนำทุกอย่างมาผสมลงในไข่ ปรุงรสด้วยเกลือ จะทำให้ได้ไข่สีสด ไม่ควรปรุงรสด้วยน้ำปลาหรือซีอิ๊ว เพราะสีไข่จะไม่สวย จากนั้นนำไปเทลงในพริกหวาน นำเข้าไมโครเวฟ (ถ้าไม่มีเวฟ)อาจใช้การนึ่งแทน) ใช้เวลาประมาณ 1 นาที ครึ่ง ความหอมของไข่ก็จะส่งกลิ่นออกมาชวนให้น้ำลายสอ (การนึ่งใน เวลาอันสั้น นอกจากจะทำให้ไข่สุกเร็วแล้ว ยังไม่ทำให้พริกช้ำจนเกินไปอีกด้วย)

สุดท้ายนำกุ้งสดไปลวกน้ำวางด้านบนหน้าไข่ตุ๋น และตกแต่งด้วยผักชี แตงกวา แล้วเราก็ได้ไข่ตุ๋นในพริกหวานที่ให้กลิ่นหอมชวนกิน พร้อมด้วยรสชาติที่กลมกล่อม มีรสเผ็ดของพริกแซมนิดๆ...โอ้ว... แล้วจะรอช้าอยู่ใย ตักข้าวสวยร้อนๆมาหม่ำกับไข่ตุ๋นในพริกหวานสดๆใหม่ๆ กันดีกว่า

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ ไข่เยี่ยวม้ากะเพรากรอบ

การทำ ไข่เยี่ยวม้ากะเพรากรอบ

ไข่เยี่ยวม้า 1 ลูก
หมูสับ 1/2 ขีด
พริกสด 2-3 เม็ด
กระเทียม 3-4 กลีบ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
ใบกะเพราเด็ดเป็นใบๆ ใส่ตามที่ต้องการ (ใช้ผัดและทอดกรอบ)
เห็ดฟาง ถั่วฝักยาว ดอกกะหล่ำ แครอท ข้าวโพดอ่อน หั่นเป็นชิ้นๆ ปริมาณตามชอบใจ
น้ำปลา น้ำตาล ซอสปรุงรส ปริมาณตามความชอบ


เมื่อเตรียมส่วนผสมครบครัน ก็ให้นำไข่เยี่ยวม้ามาผ่าเป็น 4 ซีก ไปทอดจนกรอบแล้วพักเอาไว้ก่อน จากนั้นเอาหมูสับมาผัดกับเครื่องกะเพราอันได้แก่ใบกะเพรา (อย่าลืมแบ่งไว้ทำกะเพรากรอบด้วยล่ะ) พริกสด และกระเทียมสับ เพิ่มความสีสันความอร่อยและคุณค่าอาหารด้วยแครอท ข้าวโพดอ่อน กะหล่ำดอก ถั่วฝักยาวและเห็ดฟาง ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงจนอร่อยถูกใจ

ครั้นเสร็จสรรพนำมาราดบนไข่เยี่ยวม้าทอด แต่ยังไม่เสร็จแค่นั้น อย่าลืมเอาใบกะเพราะที่แบ่งไว้มาทอดกับน้ำมันร้อนๆ จนได้กะเพรากรอบน่ากินมาโรยหน้ากะเพราไข่เยี่ยวม้าจานอร่อยนี้ด้วย

ความอร่อยของผัดกะเพราที่ทุกคนคุ้นเคย ผสมกับรสชาติมันๆ ของไข่เยี่ยวม้าทอด ในเมนูไข่เยี่ยวม้ากะเพรากรอบ ช่วยทำให้มื้ออาหารของ “กุ๊กเล็ก” ในวันนี้ได้รสชาติอร่อยอย่าบอกใคร ถ้าไม่เชื่อก็ต้องลองไปทำดูเองแล้วล่ะถึงจะรู้

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำไก่ห่อใบเตย

การทำไก่ห่อใบเตย

เครื่องปรุง

เนื้ออกไก่ 600 กรัม
กระเทียม 15 กลีบ
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 2 ช้อนชา
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
ใบเตยสำหรับห่อไก่


ส่วนผสมน้ำจิ้ม

น้ำตาลทราย 8 ช้อนโต๊ะ
น้ำสะอาด 4 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/3 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่วบุบพอแตก 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ เริ่มจากล้างไก่ให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอคำ แล้วนำไปหมักในเครื่องปรุงที่เตรียมไว้คือกระเทียมพริกไทยโขลกละเอียด ซีอิ้วขาว เหล้าจีน น้ำมันงา เกลือ และน้ำตาล ใช้เวลาหมักประมาณ 1 ชั่วโมงจนเข้าเนื้อ

ระหว่างรอหมักไก่ มาทำน้ำจิ้มกันก่อนโดยเอาน้ำตาลทรายไปต้มกับน้ำ ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วใส่ซีอิ้วดำ เกลือ และงาคั่วลงไป คนให้เข้ากันเท่านี้ก็เสร็จแล้ว และหลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ไก่ที่หมักเริ่มได้ที่ ขั้นต่อไปให้เอาใบเตยที่เตรียมไว้มาห่อไก่แต่ละชิ้น สอดปลายให้แน่นไม่อย่างนั้นจะหลุดออกตอนทอด แล้วเอาลงไปทอดพร้อมกันในน้ำมันร้อนๆ จนไก่สุกเหลืองหอม วางไว้ให้สะเด็ดน้ำมันแล้วยกเสิร์ฟได้ทันที เวลากินหอมทั้งกลิ่นใบเตยและงาคั่วในน้ำจิ้ม เป็นของกินเล่นยามบ่ายได้แบบอิ่มท้องพอดีๆ

การทำไก่ผัดพริกแกงไข่แดงเค็ม

การทำไก่ผัดพริกแกงไข่แดงเค็ม

สำหรับเครื่องปรุงก็ประกอบไปด้วย

เนื้อไก่หั่นเป็นชิ้นพอคำ ½ ถ้วยตวง
ไข่แดงของไข่เค็มหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 ฟอง
น้ำพริกแกง 4 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช น้ำปลา น้ำตาลทราย

เมื่อได้เครื่องปรุงเรียบร้อยโรงเรียนไก่ผัดพริกแกงฯแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการทำ โดยเริ่มจากตั้งกระทะไฟอ่อน ใส่น้ำมันลงไปพอร้อน นำน้ำพริกแกงลงผัดให้มีกลิ่นหอม เร่งไฟนิดหน่อยก่อนส่งเนื้อไก่ลงไปผัดรวมกันให้สุกน่ากิน

จากนั้นใส่ไข่แดงเค็มลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันกับเนื้อไก่ แล้วค่อยปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย ตามความชอบของรสปาก เสร็จสรรพตักใส่จาน โรยหน้าด้วยใบมะกรูดพองาม ยกเสิร์ฟกินกับขาวสวยร้อนๆ รสชาติเข้มข้น ถึงปากถึงใจนัก

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำไก่กรอบมะนาว

การทำไก่กรอบมะนาว

เนื้อไก่สันใน 3 ชิ้น
แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 1/4 ช้อนชา
เกล็ดขนมปัง 1 ถ้วยตวง
มะนาว 1 ลูก
ใบคะน้า 2-3 ใบ

ส่วนผสมน้ำซอส

มายองเนส 1 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/4 ช้อนชา
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
นมข้น 3 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากอะไรเลย เริ่มจากนำเนื้อไก่สันในมาทุบให้พอนิ่ม นำมาคลุกกับแป้งโกกิที่ใส่ซีอิ้วขาวลงไปนิดหน่อย จากนั้นก็นำมาคลุกกับเกร็ดขนมปังอีกที แล้วนำไก่ลงทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้ไก่สุกพอเหลืองกรอบ เป็นอันว่าใช้ได้ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน

หันมานำใบคะน้ามาซอยและลงทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้คะน้าพอกรอบ และนำมาใส่จานรองไว้ด้านล่าง แล้วนำไก่ที่ทอดไว้แล้วมาหั่นเป็นชิ้นๆ พอดีคำ วางลงบนใบคะน้าที่จัดรอไว้แล้ว

ทีนี้มาทำน้ำซอส เริ่มจากนำไข่ไก่ น้ำตาลทราย น้ำมะนาว มาตีให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย แล้วตามด้วยมายองเนส ตีเข้ากันอีกที แล้วใส่นมข้น น้ำมันพืชตามไป และก็ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันก็จะได้นำซอส เอามาราดลงบนไก่ที่เตรียมไว้แล้ว สุดท้ายหั่นมะนาวสไลด์เป็นชิ้นบางๆ โรยหน้า อีกที เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกระบวนการทำ

เมนู “ไก่กรอบมะนาว” นี้รสออกอมเปรี้ยว กลมกล่อมนุ่มลิ้น กินเปล่าๆ ไม่ต้องกินกับข้าว อร่อยเหาะ ขอบอกให้รีบทำ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำค็อกเทล “โรนัลดิญโญ่”

การทำค็อกเทล “โรนัลดิญโญ่”
ส่วนผสม ที่ต้องเตรียม

ไลท์ รัม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะม่วง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้ม 2 ช้อนโต๊ะ
ส้มคูราเซา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อมผสมมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

สำหรับวิธีการทำนั้นแสนจะง่ายดาย ทำเสร็จง่ายๆ เพียงแค่ไม่กี่วินาที เพียงแค่นำส่วนผสมทั้งหมดเทใส่ในเช็คเกอร์ พร้อมกับใส่น้ำแข็งเกล็ดลงไป แล้วก็ออกแรงนิดหน่อย เขย่าให้ส่วนผสมทั้งหมดนั้นเข้ากันเป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อยเทใส่แก้ว พร้อมดื่มได้ทันที เอาไว้ดื่มพร้อมไปกับการเชียร์บอลทีมโปรด

การทำเครื่องเดื่ม เครื่องดื่ม เมนูเครื่องดื่ม

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำโยเกิร์ต..เชค

การทำโยเกิร์ต..เชค

สำหรับส่วนผสมก็มี

โยเกิร์ต(รสผลไม้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน) 1 ถ้วย

กล้วยหอม 1 ลูก

แคนตาลูป 1 เสี้ยว

น้ำแข็งเกล็ด 1-2 แก้ว

วิปปิ้งครีมสำหรับตกแต่งแบบสเปรย์ (ถ้ามี)

เมื่อได้ส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มด้วยการ นำกล้วยหอมและแคนตาลูปมาปอกเปลือก ผ่าครึ่ง แล้วใส่ลงไปในเครื่องปั่นผลไม้ เทโยเกิร์ต และ น้ำแข็งเกล็ดตามลงไป

จากนั้นปั่นทุกอย่างให้เข้ากัน ใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที จนน้ำแข็งละเอียดเป็นมูทเหมือนสเลอปี้ ถ้าชอบให้มีสีสันอาจจะใส่น้ำเฮลล์บลูบอยสีแดงหรือสีเขียวลงไป ประมาณ 1 ช้อนชา แต่อย่ามากเกินไป เพราะจะกลายเป็นกลิ่นน้ำหวาน จะไม่ใช่กลิ่นกล้วยหอม

ส่วนใครถ้าอยากจะให้เข้มข้นก็อาจจะใส่นมสดเพิ่มความหวานมันลงไปตามใจชอบ ซึ่งเมื่อออกมารสชาติก็ชวนกินไม่แพ้

อ้อ...อีกนิด ถ้าหากมีวิปปิ้งครีมก็ลองบีบตกแต่งเพื่อให้หน้าตาเครื่องดื่มดูสวยงามขึ้น

ร้อนนี้ ได้เครื่องดื่มอะไรๆคลายร้อน มันก็ช่วยให้ใจเย็นขึ้นเยอะ

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำแฮมผัดขึ้นฉ่าย

การทำแฮมผัดขึ้นฉ่าย

เครื่องปรุงที่ต้องเตรียม

ผักขึ้นฉ่ายหั่นเป็นท่อนสั้นๆ 2 ต้น
หมูแฮมหั่นเป็นชิ้นยาวๆ 3 แผ่น
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้นๆ 3 ดอก
แครอทหั่นฝอย 1 หัวเล็ก
กระเทียม สับละเอียด 2 หัวเล็ก
ซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง น้ำมันหอย น้ำมันพืช

เมื่อเตรียมเครื่องปรุงกันเสร็จแล้ว ก็เดินหน้าเข้าครัวเคาะกระทะกันได้เลย โดยเริ่มจากเอากระทะตั้งไฟ ใช้ไฟกลางๆ แล้วใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนให้ใส่กระเทียมสับลงไปเจียวให้พอเหลือง

จากนั้นก็ใส่แฮม แครอท และเห็ดหอม ลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง น้ำมันหอย ผัดส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันอีกที และผัดต่อจนหมูแฮม แครอท และเห็ดหอมสุก ก็ใส่ขึ้นฉ่ายลงไปผัด ถึงตรงนี้ไม่ต้องผัดนานเอาแค่พอขึ้นฉ่ายสุกก็เป็นอันว่าใช้ได้แล้ว ตักใส่จานได้เลย กินกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติกลมกล่อมทั้งแฮมและขึ้นฉ่าย แถมมีกลิ่นขึ้นฉ่ายหอมๆ เวลาเคี้ยวอีกต่างหาก อ้ำ...อิ่มไปอีกหนึ่งเมนู

วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำ แซลมอนนึ่งตะไคร้ เมนูใส่ใจสุขภาพ

การทำ แซลมอนนึ่งตะไคร้ เมนูใส่ใจสุขภาพ
สำหรับส่วนผสมก็มีดังนี้

ปลาแซลมอน 2 ขีด (หากไม่มีปลาแซลมอน จะใช้ปลาอื่นๆ เช่นปลากะพงแทนก็ได้)
แครอทขูดฝอย 1 ขีด
ผักกาดแก้ว 2 ใบ
มะเขือเทศสีดา 4 ลูก
กุ้งแห้ง 1 ช้อนชา
พริกขี้หนู 5 เม็ด
กระเทียม 3-4 กลีบ
น้ำตาลปี๊บ 1-2 ช้อนชา
ตะไคร้ 2 ต้น
ถั่วฝักยาว 5 ฝัก
เกลือ น้ำมะนาว น้ำปลา


วิธีทำก็สุดแสนจะง่ายดาย ก่อนอื่นนำเกลือมาโรยบนเนื้อปลาแซลมอนเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติความเค็ม เสร็จแล้วหั่นตะไคร้ตามยาววางในหม้อที่จะใช้นึ่งปลา เอาแซลมอนมาวางทับบนตะไคร้ ใส่น้ำเปล่าลงไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ปลาแห้งเกินไป และใช้เวลานึ่งประมาณ 10 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย

ถ้ามีเพียงปลาแซลมอนนึ่งอย่างเดียวก็ดูจะธรรมดาเกินไป ดังนั้นเพื่อเพิ่มความพิเศษและความอร่อยมากยิ่งขึ้น ตำส้มตำแครอทโดยการนำพริก กระเทียม ถั่วฝักยาว ตำเข้าด้วยกันพอแหลก จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว น้ำตาลปี๊บตามใจชอบ ทีนี้ก็ใส่แครอทและกุ้งแห้งลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันเป็นอันว่าเสร็จ ตักใส่ในกาบใบผักกาดแก้ว กินแกล้มกับแซลมอนนึ่งหอมกลิ่นตะไคร้ได้รสชาติแบบไทยๆ ผสมกับความเป็นตะวันตกของปลาแซลมอน เฮ้อ...น่ากินจัง

นอกจากเมนูนี้จะน่ากินน่าอร่อยแล้ว ก็ยังมีประโยชน์อีกเต็มจาน ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอนที่ช่วยบำรุงสมองคนกิน ช่วยลดอัตราเสี่ยงจากโรคสมองฝ่อ โปรตีนจากเนื้อปลาก็ยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด และตะไคร้ก็ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ แถมช่วยขับปัสสาวะ แก้โรคนิ่ว และยังมีผักสารพัดชนิดที่มีประโยชน์ในส้มตำแครอทอีก เมนูนี้ “กุ๊กเล็ก” ว่ากินแล้วคุ้ม เพราะได้ทั้งอร่อย ทั้งดีต่อสุขภาพ ส่วนใครที่เป็นพ่อจะทำให้ลูกหม่ำก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใด

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแซลมอนจี๊ดจ๊าด

การทำแซลมอนจี๊ดจ๊าด
ส่วนผสม

เนื้อปลาแซลมอนสด 2 ขีด
ส่วนผสมน้ำจิ้มซีฟู้ด
พริกขี้หนู 20 เม็ด
กระเทียมสด 10 กลีบ
รากผักชี 2 ราก
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 8 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุปไก่ 2 ช้อนโต๊ะ
หัวไชเท้าและแครอทขูดฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
ใบสะระแหน่ 5-6 ใบ
พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด สำหรับตกแต่งจาน

วิธีทำก็ง้าย...ง่าย เริ่มจากนำเนื้อปลาแซลมอนที่แช่แข็งไว้ออกมาหั่นเป็นชิ้นขนาดความหนาประมาณครึ่งเซนติเมตรมาหั่นเรียงไว้ในจาน แล้วหันไปจัดการกับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่จะช่วยให้แซลมอนเกิดอาการจี๊ดจ๊าด โดยการเอาพริกขี้หนู กระเทียม และรากผักชีไปปั่นหรือตำให้ละเอียด แล้วนำมาปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล และเพิ่มรสชาติกลมกล่อมให้กับน้ำจิ้มซีฟู้ดด้วยน้ำซุปไก่

จากนั้นนำน้ำจิ้มซีฟู้ดที่ได้นี้มาราดลงบนแซลมอนที่จัดวางไว้ในจาน จัดแต่งจานให้สวยงามด้วยเครื่องเคียงอย่างหัวไชเท้าและแครอทขูดฝอย กระเทียมสด และพริกชี้ฟ้าแดง โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ก็เป็นอันเสร็จ กลายเป็นแซลมอนจี๊ดจ๊าดที่เป็นกับแกล้มได้อย่างดีทีเดียวเลยละ

วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแซลมอนโรลแก้ว

การทำแซลมอนโรลแก้ว

ส่วนผสม
ปลาแซลมอนสด 1-2 ขีด
ผักกาดแก้ว 1 หัว
แตงกวา 3 ลูก
สาหร่าย(ชนิดกินได้เลย)

ส่วนผสมน้ำจิ้มรสเด็ด
น้ำจิ้มไก่ 2 ช้อนโต๊ะ
มะนาว 2 ลูก
เกลือ ½ ช้อนชา
น้ำตาล 2 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา
พริกแดงซอย 2 เม็ด
พริกขี้หนูซอย 3 เม็ด
กระเทียมบด 1 ช้อนโต๊ะ

พร้อมแล้วก็ลงมือกันเลย เริ่มด้วยนำปลาแซลมอนมาแล่บางๆ จากนั้นนำปลาแซลมอนที่แล่แล้วมาห่อผัดกาดแก้วให้มีขนาดพอดีคำ นำสาหร่ายที่ตัดเป็นเส้นมาห่อด้านนอกอีกครั้ง ในส่วนของน้ำจิ้ม นำส่วนผสมทั้งหมดมารวมเข้าด้วยกัน คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันได้ที่

จากนั้นนำผักกาดแก้วและแตงกวาที่หั่นแตงกวาตามยาว มาวางตกแต่งจานให้สวยงาม ยกเสิร์ฟกินเป็นอาหารว่างระหว่างวันกันได้เลย เพราะนอกจากจะไม่อ้วนแล้วยังอิ่มอร่อยได้ง่ายๆสไตล์เมนูญี่ปุ่น แต่รสชาติไทยๆอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงส้มผักรวม

การทำแกงส้มผักรวม


เนื้อปลาช่อนหั่นเป็นชิ้น 3 ขีด
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะครึ่ง
น้ำปลา น้ำมะขามเปียกข้นๆ อย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ถ้วย
ยอดมะพร้าว 1 ขีด
สับปะรด และผักต่างๆ อย่าง ผักบุ้ง ผักกระเฉด ถั่วฝักยาว อย่างละพอประมาณ

ส่วนผสมเครื่องแกง

พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำให้นิ่ม 3 เม็ด
พริกขี้หนูแดง 5 เม็ด
หอมแดง 5 หัว
กระเทียม 3 กลีบ
รากกระชาย 3 ราก
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
กะปิกุ้ง 1 ช้อนชา

พอถึงขั้นตอนลงมือทำก็เริ่มด้วยการควงไม้ตีพริกมาตำโป๊กๆ ส่วนผสมเครื่องแกงทั้งหลายให้ละเอียด แล้วค่อยใส่เนื้อปลาชิ้นเล็กๆ ที่ต้มสุกโขลกรวมเข้าด้วยกันอีกครั้ง จากนั้นก็ตั้งไฟ ใส่น้ำลงในหม้อ รอให้น้ำเดือดจัด ใส่เครื่องแกงที่โขลก ใส่ปลาที่เหลือ ใส่ยอดมะพร้าว ตามด้วยสับปะรดและผักต่างๆที่มีลงไป

ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ เคี่ยวไฟอ่อนประมาณ 5 นาที เพื่อให้เครื่องปรุงเข้าน้ำผัก ชิมรสตามชอบว่าจะให้รสจัดออกเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ขนาดไหนก็สุดแล้วแต่ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงมัสมั่นเนื้อน่องลาย

การทำแกงมัสมั่นเนื้อน่องลาย
ส่วนผสมที่ต้องเตรียม

เครื่องแกงมัสมั่นสำเร็จรูป 50 กรัม
เนื้อน่องลาย 100 กรัม
กะทิสด 300 กรัม
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง 3 หัว
มันฝรั่งหั่นเป็นชิ้นๆ 1 หัว
ถั่วลิสงคั่วป่น 2 ช้อนชา
ถั่วลิสงเม็ด 15 เม็ด
ยี่หร่า 1/2 ช้อนชา

เตรียมส่วนผสมพร้อมแล้ว ถึงเวลาลงมือปรุง เริ่มจากแบ่งกะทิสดเป็น 2 ส่วนโดยประมาณ จากนั้นนำเนื้อน่องลาย และถั่วลิสงไปเคี่ยวกับกะทิส่วนที่ 1 จนถั่วลิสงสุกเป็นเม็ดใส และเนื้อเปื่อยนุ่ม นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ พักทิ้งไว้

หันมานำกะทิส่วนที่ 2 ตั้งเคี่ยวไฟอ่อน ๆ จนแตกมัน แล้วนำเครื่องแกงมัสมั่น และถั่วลิสงป่นลงไปผัดเคี่ยวกับกะทิให้หอม ใส่มันฝรั่งตามลงไป เคี่ยวจนสุกนุ่ม

จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดลงเคี่ยวรวมกัน เคี่ยวจนเครื่องแกงเข้าเนื้อ แล้วจึงใส่หอมแดงเคี่ยวให้สุกอีกที และปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำมะขามเปียก ชิมรสตามใจปาก

เท่านี้ก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกระบวนการทำ ได้ “แกงมัสมั่นเนื้อน่องลาย” กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ หรือจะเป็นโรตี หรือ ขนมปังปิ้งก็อร่อยเด็ดดีแท้

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงจืดฟัก

การทำแกงจืดฟัก
เครื่องปรุงแกงจืดฟักก็มี

ฟักหั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วยตวง
เห็ดหอมสด ½ ถ้วยตวง
หมูสับ ¼ ถ้วยตวง
กุ้งกุลาดำ 6-7 ตัว
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
ใบผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 2 ถ้วยตวง
พริกไทยป่น น้ำตาลทราย น้ำปลา (ตามแต่จะใส่)

สำหรับขั้นตอนการทำก็เริ่มจากการเตรียมส่วนผสมทั้งหมดเสียก่อน คือนำเห็ดหอมสดไปแช่น้ำให้พอนุ่ม แค่พออิ่มน้ำ (ส่วนถ้าไม่มีเห็ดหอมสดใช้เห็ดหอมแห้งก็แช่ให้บานนุ่มแค่พออิ่มน้ำเหมือนกัน) ส่วนกุ้งกุลาดำก็นำไปล้างให้สะอาด จากนั้นปอกเปลือกผ่าเอาเส้นดำที่หลังออกแล้วพักไว้ ส่วนกุ้งแห้งก็นำมาคลุกเคล้ารวมกับหมูสับ และตัวเอกที่สำคัญของมื้อนี้ คือฟักนำไปหั่นให้มีขนาดพอคำกำลังดีไม่ต้องใหญ่มากนัก และนำไปล้างให้สะอาด

คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนการลงมือปรุงกันเลย นำน้ำซุปลงหม้อแล้วตามด้วยฟัก จากนั้นปั้นหมูสับที่คลุกรวมกับกุ้งแห้งเป็นก้อนๆ ใส่ลงไป และก็ตามด้วยเห็ดหอม แล้วก็ต้มให้ฟัก หมูสับ และเห็ดหอม ทุกอย่างสุก (ทดสอบดูว่าฟักนิ่มแล้วก็เป็นอันว่าใช้ได้) แล้วค่อยปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย นิดหน่อย และก็นำกุ้งมาใส่ทีหลังเพื่อไม่ให้เนื้อกุ้งแข็ง เป็นอันว่าเสร็จก็ตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟได้ทันที อ้อ! อย่าลืมใส่พริกไทยโรยหน้าสักนิด เพื่อเพิ่มความหอม และโรยหน้าด้วยผักชี เพิ่มความสวยงามน่ากิน

อารหาร เมนูอาหาร อาหารเพื่อสุขภาพ

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงจืดปลาหมึกยัดไส้

การทำแกงจืดปลาหมึกยัดไส้
ปลาหมึกตัวขนาดประมาณ 5-6 นิ้ว ½ กิโลกรัม
หมูสับ 4 ขีด
แครอทหั่นลูกเต๋าเล็กๆ 2 ช้อนโต๊ะ
รากผักชี 2-3 ราก
กระเทียม 3-4 กลีบ
น้ำต้มกระดูกไก่หรือน้ำซุปไก่(ก้อน) พอประมาณ
ต้นหอม ผักชี น้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว พริกไทยป่น


เมื่อเครื่องปรุงพร้อม อุปกรณ์พร้อมก็เริ่มลงมือบรรเลงเพลงแกงจืดปลาหมึกยัดไส้กันได้

ขั้นตอนแรกก็คือ โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย จากนั้นคลุกเคล้ากับหมูสับให้เข้ากัน เหยาะน้ำปลาหรือซีอิ๊วขาวเล็กน้อย

ขั้นตอนต่อไปเป็นการยัดไส้ปลาหมึก ซึ่งก่อนอื่นก็ให้นำปลาหมึกไปล้างให้สะอาด ดึงหัวดึงไส้ออกออก ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ นำหมูสับที่ผสมไว้ยัดลงไปในตัวปลาหมึก เอาแค่พอให้ปลาหมึกอ้วน ไม่ต้องถึงกับแน่นเต็มท้อง แล้วนำปลาหมึกไปนึ่งให้พอสุก จากนั้นหั่นปลาหมึกเป็นริ้วๆเพื่อให้ตักกินง่าย

เสร็จสรรพตั้งน้ำซุปให้เดือด(กะน้ำซุปให้ท่วมปลาหมึกพอประมาณ) ใส่ปลาหมึกที่นึ่งลงไปในหม้อ ตามด้วยแครอท พอน้ำซุปเดือด ปลาหมึกสุกได้ที่ ปรุงรสด้วยเติมซีอิ๊วขาวหรือน้ำปลาตามใจชอบ

สุดท้ายตักใส่ถ้วย โรยด้วยต้นหอม ผักชี เหยาะพริกไทยนิดหน่อยเพิ่มความหอม ก่อนเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ ตักกินให้เพลินปากกับรสชาติกลมกล่อมแบบง่ายๆ แต่ว่าซดคล่องคอดับความฝืดหลายๆอย่างได้ดีนักแล

วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงคั่วปลาดุกมะระ

การทำแกงคั่วปลาดุกมะระ

ส่วนผสม

ปลาดุก 1 ตัว
มะระจีน 1 ลูก
น้ำพริกแกงคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 4 ถ้วย
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ ก็เริ่มจากล้างปลาดุกให้สะอาด ผ่าท้องเอาไส้ออก ทาเกลือไว้ให้ทั่ว แล้วหั่นเป็นท่อนๆ เอาไว้ จากนั้นมาจัดการกับมะระโดยผ่าเป็นชิ้นตามยาว เอาไส้และเมล็ดออกให้หมด จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นบางๆ แล้วหันไปตั้งกะทิครึ่งหนึ่งให้เดือดด้วยไฟปานกลาง ใส่น้ำพริกแกงคั่ว (หาซื้อได้ทั่วไปตามตลาด) ลงผัดให้หอมและแตกมัน จากนั้นก็ค่อยๆ ใส่กะทิที่เหลืออยู่จนหมด ตั้งทิ้งไว้จนเดือดแล้วจึงใส่ปลาดุกตามลงไป รอจนปลาสุกแล้วจึงใส่มะระที่หั่นไว้แล้ว จากนั้นก็ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ แล้วรอจนน้ำเดือดอีกครั้งก็เป็นอันเสร็จ

“แกงคั่วปลาดุกมะระ” ถ้วยนี้ กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยดีนักแหละ ใครสนใจจะเอาไปเป็นเมนูพิเศษมื้อเย็นนี้เลยก็ได้ไม่ว่ากัน

การทำแกงเหลืองมะม่วงดิบกับปลาแซลมอน

การทำแกงเหลืองมะม่วงดิบกับปลาแซลมอน

ส่วนผสมมีดังนี้
พริกขี้หนูแห้ง 20 เม็ด
กระเทียมปอกเปลือก 25 กลีบเล็ก
กะปิ 0.5 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูแดงสด 25 เม็ด
ขมิ้นเหลืองขนาดประมาณหัวแม่มือ 1 แง่ง
เกลือ 0.5 ช้อนชา
(นำส่วนผสมทั้ง 6 อย่างข้างต้นนี้มาโขลกรวมกันให้ละเอียดเป็นเครื่องแกงเหลือง)
น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลาดี 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
น้ำซุปปลา (จากหัวปลาแซลมอนหรือจากปลาชนิดอื่นก็ได้) 2 ถ้วยตวง
ปลาแซลมอนที่สุกแล้ว (หั่นชิ้นหนากำลังดี จำนวนตามแต่จะใส่ หรือจะเปลี่ยนเป็นปลาอย่างอื่นที่ชอบก็ได้ไม่ว่ากัน)
มะม่วงดิบน้ำดอกไม้ (หั่นชิ้นบาง จำนวนตามแต่จะใส่ )

หลังจากเตรียมส่วนผสมพร้อมแล้ว ก็ลงมือทำกันเลย เริ่มจากนำเครื่องแกงเหลืองที่ผ่านการโขลกจนละเอียดแล้วมาละลายกับน้ำซุปหัวปลาโดยให้มีความข้นพอดีและไม่ใสจนเกินไป แล้วนำขึ้นตั้งไฟโดยใช้ไฟปานกลาง เคี่ยวน้ำกับเครื่องแกงสักพักหนึ่งให้มีกลิ่นหอมเครื่องแกงและสีสันสวยงาม

จากนั้นก็ใส่มะม่วงลงไป ให้ได้ความเปรี้ยวจากมะม่วงและชิมน้ำแกง แล้วปรุงรสด้วย น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ ให้มีรสชาติ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ก็เคี่ยวมะม่วงให้สุกแล้วจึงใส่เนื้อปลาแซลมอนลงไป เป็นอันว่าเสร็จสรรพ ตักใส่ถ้วย กินร้อนๆกับข้าวสวยสักจาน สองจาน รับรองว่าอิ่มอร่อยจนพุงกางกันไปอีก 1 มื้อ

วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงเลียงกุ้งสด

การทำแกงเลียงกุ้งสด
เครื่องแกง
กุ้งแห้งป่นละเอียด 4-5 ช้อนชา
หอมแดง 3-4 หัว
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
กะปิ 1-2 ช้อนชา
กระชายหัว 2 ช้อนชา
กระเทียม 1 ช้อนชา
รากผักชี 3 ราก

เครื่องปรุง
กุ้งสด 1 ถ้วยตวง
ฟักทองหั่นชิ้นเล็กๆ 1 ถ้วยตวง
บวบหั่นเฉียง 1 ถ้วยตวง
เห็ดฟาง ½ ถ้วยตวง
ใบตำลึง 1 ถ้วยตวง
ข้าวโพดอ่อนหั่นเป็นท่อนๆ ½ ถ้วยตวง
ใบแมงลัก ½ ถ้วยตวง
น้ำปลา
น้ำต้ม ประมาณพอสมควร

หลังจากที่เตรียมส่วนผสมกันเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มจากการทำเครื่องแกง ด้วยการนำพริกไทย หอมแดง กะปิ กระเทียม กระชาย รากผักชี มาโขลกรวมกันให้ละเอียด จากนั้นเอากุ้งแห้งป่นลงไปโขลกให้เข้ากันอีกที แล้วตักใส่ชามพักไว้

ในส่วนเครื่องปรุงก็นำกุ้งสดไปลวกแล้วแกะเปลือกออก ล้างให้สะอาด พักไว้

นำหม้อต้มน้ำพอประมาณให้เดือด จากนั้นใส่เครื่องแกง และผักที่สุกยากลงไปก่อน อย่าง ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน แล้วค่อยใส่ผักที่เหลือลงไป ตามต่อด้วยกุ้งลวก พร้อมปรุงรสเพิ่มตามใจชอบ เพียงแค่นี้ก็จะได้ "แกงเลียงกุ้งสด" ร้อนๆ กินกับข้าวสวยร้อนๆ แก้หนาวนี้ได้เป็นอย่างดี

สูตรอาหาร

วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงเผ็ดเป็ดย่างเจ

การทำแกงเผ็ดเป็ดย่างเจ
เป็ดเจ 4 ขีด (ทอดกรอบ หั่นเป็นชิ้นพองาม)
มะพร้าวขูด 1/2 กก. (คั้นแยกหัวกะทิ 1 ถ้วย หางกะทิ 3 ถ้วย)
พริกแกงเผ็ดเจ 1 ขีด
สับปะรด 4 ชิ้น
ลิ้นจี่ 4 ลูก
มะเขือเทศสีดา 4 ลูก
มะเขือเปราะผ่าสี่ 3 ลูก
มะเขือพวง 3 ช้อนโต๊ะ
เห็ดหอม 2 ดอก
เห็ดฟาง 3 ดอก
ใบโหระพา 1 กิ่ง (เด็ดเป็นใบๆ )
ใบมะกรูด 3 ใบ (ฉีกเป็นชิ้นใหญ่ๆ)
พริกชี้ฟ้าแดง,เหลือง 2 เม็ด (หั่นเฉียงๆ)
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ

เห็นส่วนผสมเยอะอย่างนี้ ก็อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะขั้นตอนการทำนั้นแสนจะง่ายดาย ขั้นแรกก็ตั้งกระทะใส่น้ำมัน แล้วใส่พริกแกงเผ็ดเจผัดจนหอม ตามด้วยใส่หัวกะทิลงไปผัดให้แตกมันใส่ใบมะกรูด เติมหางกะทิลงไป

พอน้ำกะทิเดือดก็จึงใส่เป็ดเจ ใส่บรรดาผักผลไม้ทั้งหลายที่เตรียมไว้ลงไปแล้วปรุงรสด้วย เกลือ ซีอิ๊วขาว น้ำตาลปี๊บ สุดท้ายใส่ใบโหระพา เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

มื้อนี้ถึงจะเป็นแค่แกงเผ็ดเป็ดย่างเจ แต่รสชาติความอร่อยและหน้าตาสีสันก็ไม่ได้แพ้เนื้อเป็ดจริงๆ เลยนะจะบอกให้

อาหารเจ อาหารเพื่อสุขภาพ เมนูอาหารลดความอ้วน

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำ กะเพราไก่ทรงเครื่อง

การทำ กะเพราไก่ทรงเครื่อง

โดยเครื่องปรุงก็ประกอบไปด้วย

น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
หอมใหญ่หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ½ ถ้วยตวง
กระเทียมทุบและสับ 2 ช้อนโต๊ะ
พริกแห้งหั่นเป็นท่อนสั้นๆ 2-3 เม็ด
พริกชี้ฟ้าหั่นท่อนสั้นๆ 2-3 เม็ด
เนื้อไก่หั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วยตวง
ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงอาหาร 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวง
นมข้นแปลงไขมัน 2 ช้อนโต๊ะ
ใบกะเพรา 1 ถ้วยตวง

สำหรับวิธีการทำนั้นก็เริ่มจาก ใส่น้ำมันลงกระทะ ตามด้วยกระเทียม พริกแห้ง ผัดรวมกันจนกรอบ จากนั้นตักขึ้นพักไว้ แล้วจึงใส่ไก่ลงไปผัด ตามด้วยน้ำเปล่าเล็กน้อย

เสร็จแล้วก็ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม และซอสปรุงรส ผัดให้เข้ากัน ใส่น้ำเปล่าเล็กน้อย พริกชี้ฟ้า และนมข้นแปลงไขมัน กะว่าผัดพอสุกยกลง จากนั้นใส่ใบกะเพราไปคลุกเคล้า จากนั้นตักใส่จาน ก็เป็นอันเสร็จกระบวนการทำ

ใครจะตักกินกับข้าวหรือคลุกกินกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน สำหรับผู้ที่สนใจถ้ามีเวลาว่างน่าจะลองทำดู เพราะเมนูนี้เป็นเมนูที่ทำง่ายแต่ไม่สิ้นคิด แถมกะเพราไก่ทรงเครื่องยังให้คุณค่าของโปรตีน พร้อมทั้งคุณค่าของสสมุนไพรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กระเทียม หอมใหญ่ พริก และ ใบกะเพรา ซึ่งจะช่วยกันขับลมและลดไขมันในร่างกาย กินแล้วสบายท้องดีแท้

วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงเทโพ

การทำแกงเทโพ

เครื่องปรุง

เนื้อหมูสามชั้น 2 ขีด
ผักบุ้งไทยหั่นเป็นท่อนสั้นๆ 2 ขีด
น้ำพริกแกงคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 3 ถ้วย
มะกรูด 1 ผล
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ เริ่มจากจัดการกับเนื้อหมูก่อน ด้วยการล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำเตรียมไว้ จากนั้นหันไปเอากะทิ 1 ถ้วยขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่น้ำพริกแกงคั่ว (หาซื้อได้ตามตลาด) ลงผัดจนหอม แล้วจึงใส่กะทิที่เหลือตั้งไฟต่อไปอีกจนเดือดแล้วก็ใส่หมูสามชั้นลงตามไป

เมื่อหมูสุกดีแล้วก็ใส่ผักบุ้งตาม พอผักเริ่มยุบเราก็เริ่มปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก เพิ่มกลิ่นหอมๆ ด้วยน้ำมะกรูด หรือจะใส่มะกรูดหั่นเป็นแว่นๆ ลงไปด้วยก็ได้

ก็เป็นอันเสร็จแกงเทโพร้อนๆ ได้กลิ่นกะทิหอมๆ กินกับข้าวสวย อืม...อร่อยไม่ใช่น้อย และการที่ใช้ผักบุ้งมาแกงกับกะทิอย่างนี้ ไขมันในกะทิก็จะละลายวิตามินเอออกมา ซึ่งจะทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเอได้ดีขึ้นอีกด้วยละ


อาหาร อาหารจานด่วน เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำเอล อินเฟอร์โน

การทำเอล อินเฟอร์โน

ส่วนผสม
แตงโม(ปลอกเปลือก) 3-4 ชิ้น
น้ำส้ม 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
เหล้ารัม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็ง 1/3แก้ว

เมื่อได้ส่วนผสมครบแล้ว ก็มาถึงวิธีการทำ ขั้นตอนแรกให้นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในเชคเกอร์ที่บรรจุน้ำแข็งเอาไว้แล้ว หลังจากนั้นเพียงเขย่าแรงๆให้เข้ากัน เสร็จแล้วรินใส่แก้วพร้อมยกเข้าปากก็เป็นอันเสร็จพิธีสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายแถมยังอร่อยลิ้นอีกต่างหาก แต่ถ้าหากใครหนาวใจ อันนี้ “กุ๊กเล็ก” จนปัญญาจริงๆจ้า


อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารไทย อาหาร 5หมู่

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำค็อกเทล เฟสทีฟเซลิเบรชั่น

การทำค็อกเทล เฟสทีฟเซลิเบรชั่น


หลายๆ พื้นที่ของประเทศไทยตอนนี้โดยเฉพาะทางภาคเหนือและอีสานก็เริ่มได้สัมผัสอากาศเย็นๆ กันบ้างแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าลมหนาวนั้นพัดมาไม่ค่อยจะถึงกรุงเทพฯ เสียบ้างเลย ตอนนี้ “กุ๊กเล็ก” ก็ได้แต่รอ...ร้อ...รอ อยากจะหนาวกับเขาบ้าง


และเพื่อเป็นการต้อนรับลมหนาวที่กำลังเดินทางมา “กุ๊กเล็ก” ก็มีเมนูค็อกเทลง่ายๆ อย่าง “เฟสทีฟเซลิเบรชั่น” ที่ได้สูตรมาจาก “ครอสโรดบาร์” โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ มาให้ลองทำกัน

ส่วนผสม

วอดก้า 1 ออนซ์
เชอรี่บรั่นดี 1/2 ออนซ์
น้ำส้ม 3 ออนซ์
น้ำมะนาว 1 ออนซ์
ไซรัป 1/2 ออนซ์

(1 ออนซ์ = 2 ช้อนโต๊ะ)

วิธีทำก็แสนง่าย ใส่น้ำส้มตามด้วยวอดก้าและเชอรี่บรั่นดีลงในเชคเกอร์ แล้วเขย่าให้เข้ากัน จากนั้นจึงนำมากรอง แล้วเทใส่แก้วตามด้วยน้ำแข็ง แล้วตกแต่งด้วยชิ้นส้มฝานและผลเชอรี่ พร้อมเสิร์ฟได้ทันที เมนูง่ายๆ อย่างนี้เหมาะจะทำดื่มกันในงานปาร์ตี้เล็กๆ ระหว่างเพื่อนฝูง หรือใครอยากจะเปลี่ยนจากน้ำส้มเป็นน้ำผลไม้อื่นๆ ก็ครีเอทกันได้ตามสะดวก

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำเปาะเปี๊ยะทอด

การทำเปาะเปี๊ยะทอด
แผ่นเปาะเปี๊ยะ 10 -15 แผ่น
เห็ดหอม (หรือจะใช้เป็นเห็ดหูหนูก็ได้) 3 ดอก
วุ้นเส้นแช่น้ำให้นุ่มตัดเป็นท่อนสั้นๆ 1/2 ถ้วย
หมูสับ 2 ขีด
ไข่ไก่ 1 ฟอง
แครอทหั่นฝอย 2 ขีด
ถั่วงอกเด็ดหาง 1/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว รากผักชี กระเทียม พริกไทย พอประมาณ
น้ำมันพืชสำหรับทอด และน้ำเปล่าสำหรับทาแผ่นเปาะเปี๊ยะ

เมื่อเตรียมส่วนผสมได้แล้วก็ลงมือได้เลย โดยเริ่มจากผสมเนื้อหมู ไข่ไก่ แครอท เห็ดหอม ถั่วงอก พริกไทย น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว และวุ้นเส้นคลุกเคล้าเข้ากัน จากนั้นก็โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ทั้งหมดให้ละเอียด ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เอาที่โขลกลงผัดให้หอม ตามด้วยส่วนผสมไส้เปาะเปี๊ยะที่คลุกไว้ ผัดพอสุกแล้วตักขึ้นมาพักไว้

แล้วก็ถึงขั้นตอนการห่อเปาะเปี๊ยะ โดยถ้าแผ่นเปาะเปี๊ยะบางไป ก็ให้วางซ้อนกันสองแผ่น ตักไส้ใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วม้วนแผ่นเปาะเปี๊ยะให้แน่นเป็นแท่งกลม ๆ พับหัวท้าย ทาขอบแผ่นเปาะเปี๊ยะด้วยน้ำเปล่า จากนั้นก็ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เปาะเปี๊ยะลงไปทอดให้สุกเหลืองแล้วตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน

สำหรับส่วนผสมของน้ำจิ้มประกอบด้วย พริกชี้ฟ้าแดงโขลก 5 เม็ด ,น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ,เกลือป่น 1/2 ช้อนชา ,น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ ซึ่งพอส่วนผสมครบก็แค่ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนน้ำตาลละลายและเหนียวก็ยกลง หั่นเปาะเปี๊ยะเป็นชิ้นพอคำ จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับผักและน้ำจิ้ม อิ่มอร่อยไปได้อีกมื้อ

การทำอาหาร สูตรอาหาร เมนูอาหาร

การทำเนื้อสะดุ้งปรุงมะนาว

การทำเนื้อสะดุ้งปรุงมะนาว

สำหรับส่วนผสม (สำหรับรับประทานในครอบครัว 4 คน)

เนื้อสันใน 2 ขีด
น้ำมะนาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ


ส่วนวิธีทำนั้นก็ง่ายแสนง่าย เริ่มจากหั่นเนื้อตามขวางเป็นชิ้นเล็กๆขนาดพอดีคำ ผสมซอสมะเขือเทศ ซอสปรุงรสน้ำมันหอย และน้ำมะนาวให้เข้ากัน จากนั้นตั้งน้ำให้เดือดพล่านจุ่มเนื้อให้พอสะดุ้ง นำน้ำปรุงรสราดลงบนเนื้อและเคล้าให้เข้ากันดี

ตกแต่งจานเพื่อเพิ่มสีสันให้ดูน่ากินยิ่งขึ้นด้วย มะนาว กะหล่ำปลี วางประดับพอสวยงาม กินเป็นกับข้าวหรือกินเป็นกับแกล้มกันในครอบครัวกับเพื่อนฝูงก็เหมาะนักแล

การทำเนื้อแช่น้ำปลา

การทำเนื้อแช่น้ำปลา

ส่วนผสม

เนื้อวัว 5 ขีด(ควรใช้เนื้อสันในหรือเนื้อสะโพก)
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา ½ ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ



วิธีทำ นำเนื้อที่เตรียมไว้มาแล่บางๆ แล้วนำเกลือ น้ำตาลมาโขลกจนละเอียดแล้วนำมาโรยบนเนื้อให้ทั่วทั้ง 2 ด้าน เสร็จแล้วนำน้ำปลา น้ำมันพืชมาหมักในเนื้ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นนำมาผึ่งแดดให้หมาด 1-2 แดด แล้วนำไปเก็บในที่โปร่งหรือในตู้เย็นก็ได้แต่ต้องเก็บให้แห้ง เวลาจะทอดก็นำไปหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ ทอดในกระทะที่มีน้ำมันพอสมควรโดยใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน แต่อย่าทอดนานเดี๋ยวจะเหนียวเกินพอดีไป สำหรับใครที่ไม่ทานเนื้อก็สามารถดัดแปลงเป็นเนื้อหมูได้จ้า

การทำเต้าฮวยนมสด

การทำเต้าฮวยนมสด
อาหารลดความอ้วน การทำอาหาร เพื่อสุขภาพ

ส่วนผสม
ผงทำเต้าฮวยเย็นสำเร็จรูป 130 กรัม
นมสดพร่อยมันเนย 3 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
ผลไม้ตามฤดูกาล

วิธีทำ
เริ่มต้นโดยการตั้งกระทะ แล้วเทนมสดที่เตรียมไว้ลงในกระทะ ใช้ทัพพีหมั่นคนเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้นมจับตัว เมื่อน้ำนมเดือดพล่านแล้วค่อย ๆเทผงเต้าฮวยเย็นลงในกระทะ คนต่อไปเรื่อย ๆ จนแน่ใจว่าผงเต้าฮวยที่เทลงไปละลายจนหมดแล้ว จึงเติมน้ำตาลลงไปเคี่ยวต่อ เมื่อน้ำตาลละลายหมดแล้ว

ทิ้งพักไว้สักครู่ก่อนเทลงบนแม่พิมพ์หรือถาด ปล่อยไว้จนเย็นจะแข็งตัวเอง ถ้าต้องการให้แข็งเร็วขึ้นให้นำไปแช่ตู้เย็น เมื่อแข็งดีแล้วให้นำออกมาตกแต่งด้วยผลไม้ตามฤดูกาลเพียงเท่านี้ก็อร่อยได้สไตล์นมสดแปรรูป

นั่งดูโทรทัศน์รายการโปรด ควบคู่ไปกับการกิน “เต้าฮวยนมสด” เป็นของว่าง ทั้งเพลินตา ชื่นใจแสนอร่อยใครที่ยังนึกเมนูนมๆไม่ออกก็อย่าลืมนี้ล่ะ

การทำเต้าหู้สอดไส้สาหร่าย

การทำเต้าหู้สอดไส้สาหร่าย
ส่วนผสม
เต้าหู้หลอดขาว 2 หลอด
ผักไต้หวัน 2 ขีด
สาหร่ายเส้นผม(แช่น้ำแล้ว) 30 กรัม
แครอท, เห็ดหอม, คึ่นช่ายไทย, ก้านผักกาดขาว 50 กรัม
ปลิงเจ, ปลาหมึกเจ, กุ้งเจ อย่างละ 30 กรัม
น้ำมันเห็ดหอม 1 ½ ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
แป้งมัน 2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุปเจ 1 ถ้วยตวง
ซีอิ๊วดำ พริกไทยป่น น้ำมันพืช


เมื่อเตรียมส่วนผสมแล้วก็ลงมือทำกันเลย เริ่มจากนำเต้าหูมาหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วทอดให้เหลืองกรอบ จากนั้นเจาะรูตรงกลางของเต้าหู้ที่ทอดแล้ว นำแครอท, เห็ดหอม, คึ่นช่ายไทย, ก้านผักกาดขาว, ปลิงเจ, ปลาหมึกเจ และกุ้งเจ มาหั่นเป็นเส้นเล็กๆ แล้วนำไปผัดพร้อมปรุงรส จากนั้นนำมาใส่เข้าไปในเต้าหู้ทอดที่เจาะรูตรงกลางแล้ว โดยใส่เพียงครึ่งหนึ่ง แล้วอีกครึ่งหนึ่งใส่สาหร่ายเส้นผม จากนั้นนำเต้าหู้ที่สอดไส้สาหร่ายแล้วไปนึ่งประมาณ 8-10 นาที

นำผักไต้หวันไปผัดในน้ำมันที่ร้อนได้ที่พร้อมปรุงรสชาติ แล้วนำไปจัดเรียงรอบๆเต้าหู้สอดไส้สาหร่าย สุดท้ายนำน้ำซุปเจใส่กระทะตั้งเตาให้ร้อน ปรุงรสชาติด้วยน้ำมันเห็ดหอม, ซีอิ๊วขาว, น้ำตาลทราย, พริกไทยป่น, น้ำมันงา และซีอิ๊วดำ แล้วใส่แป้งมันตีน้ำให้เหนียว (เรียกว่าน้ำแดงหรือน้ำราดผัก) จากนั้นนำมาราดบนเต้าหู้สอดไส้สาหร่ายให้ทั่ว พร้อมเสิร์ฟได้ทันที

http://www.manager.co.th/