วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำ แซลมอนนึ่งตะไคร้ เมนูใส่ใจสุขภาพ

การทำ แซลมอนนึ่งตะไคร้ เมนูใส่ใจสุขภาพ
สำหรับส่วนผสมก็มีดังนี้

ปลาแซลมอน 2 ขีด (หากไม่มีปลาแซลมอน จะใช้ปลาอื่นๆ เช่นปลากะพงแทนก็ได้)
แครอทขูดฝอย 1 ขีด
ผักกาดแก้ว 2 ใบ
มะเขือเทศสีดา 4 ลูก
กุ้งแห้ง 1 ช้อนชา
พริกขี้หนู 5 เม็ด
กระเทียม 3-4 กลีบ
น้ำตาลปี๊บ 1-2 ช้อนชา
ตะไคร้ 2 ต้น
ถั่วฝักยาว 5 ฝัก
เกลือ น้ำมะนาว น้ำปลา


วิธีทำก็สุดแสนจะง่ายดาย ก่อนอื่นนำเกลือมาโรยบนเนื้อปลาแซลมอนเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติความเค็ม เสร็จแล้วหั่นตะไคร้ตามยาววางในหม้อที่จะใช้นึ่งปลา เอาแซลมอนมาวางทับบนตะไคร้ ใส่น้ำเปล่าลงไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ปลาแห้งเกินไป และใช้เวลานึ่งประมาณ 10 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย

ถ้ามีเพียงปลาแซลมอนนึ่งอย่างเดียวก็ดูจะธรรมดาเกินไป ดังนั้นเพื่อเพิ่มความพิเศษและความอร่อยมากยิ่งขึ้น ตำส้มตำแครอทโดยการนำพริก กระเทียม ถั่วฝักยาว ตำเข้าด้วยกันพอแหลก จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว น้ำตาลปี๊บตามใจชอบ ทีนี้ก็ใส่แครอทและกุ้งแห้งลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันเป็นอันว่าเสร็จ ตักใส่ในกาบใบผักกาดแก้ว กินแกล้มกับแซลมอนนึ่งหอมกลิ่นตะไคร้ได้รสชาติแบบไทยๆ ผสมกับความเป็นตะวันตกของปลาแซลมอน เฮ้อ...น่ากินจัง

นอกจากเมนูนี้จะน่ากินน่าอร่อยแล้ว ก็ยังมีประโยชน์อีกเต็มจาน ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอนที่ช่วยบำรุงสมองคนกิน ช่วยลดอัตราเสี่ยงจากโรคสมองฝ่อ โปรตีนจากเนื้อปลาก็ยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด และตะไคร้ก็ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ แถมช่วยขับปัสสาวะ แก้โรคนิ่ว และยังมีผักสารพัดชนิดที่มีประโยชน์ในส้มตำแครอทอีก เมนูนี้ “กุ๊กเล็ก” ว่ากินแล้วคุ้ม เพราะได้ทั้งอร่อย ทั้งดีต่อสุขภาพ ส่วนใครที่เป็นพ่อจะทำให้ลูกหม่ำก็ไม่ผิดกติกาแต่ประการใด

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแซลมอนจี๊ดจ๊าด

การทำแซลมอนจี๊ดจ๊าด
ส่วนผสม

เนื้อปลาแซลมอนสด 2 ขีด
ส่วนผสมน้ำจิ้มซีฟู้ด
พริกขี้หนู 20 เม็ด
กระเทียมสด 10 กลีบ
รากผักชี 2 ราก
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 8 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุปไก่ 2 ช้อนโต๊ะ
หัวไชเท้าและแครอทขูดฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
ใบสะระแหน่ 5-6 ใบ
พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด สำหรับตกแต่งจาน

วิธีทำก็ง้าย...ง่าย เริ่มจากนำเนื้อปลาแซลมอนที่แช่แข็งไว้ออกมาหั่นเป็นชิ้นขนาดความหนาประมาณครึ่งเซนติเมตรมาหั่นเรียงไว้ในจาน แล้วหันไปจัดการกับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่จะช่วยให้แซลมอนเกิดอาการจี๊ดจ๊าด โดยการเอาพริกขี้หนู กระเทียม และรากผักชีไปปั่นหรือตำให้ละเอียด แล้วนำมาปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล และเพิ่มรสชาติกลมกล่อมให้กับน้ำจิ้มซีฟู้ดด้วยน้ำซุปไก่

จากนั้นนำน้ำจิ้มซีฟู้ดที่ได้นี้มาราดลงบนแซลมอนที่จัดวางไว้ในจาน จัดแต่งจานให้สวยงามด้วยเครื่องเคียงอย่างหัวไชเท้าและแครอทขูดฝอย กระเทียมสด และพริกชี้ฟ้าแดง โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ก็เป็นอันเสร็จ กลายเป็นแซลมอนจี๊ดจ๊าดที่เป็นกับแกล้มได้อย่างดีทีเดียวเลยละ

วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแซลมอนโรลแก้ว

การทำแซลมอนโรลแก้ว

ส่วนผสม
ปลาแซลมอนสด 1-2 ขีด
ผักกาดแก้ว 1 หัว
แตงกวา 3 ลูก
สาหร่าย(ชนิดกินได้เลย)

ส่วนผสมน้ำจิ้มรสเด็ด
น้ำจิ้มไก่ 2 ช้อนโต๊ะ
มะนาว 2 ลูก
เกลือ ½ ช้อนชา
น้ำตาล 2 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา
พริกแดงซอย 2 เม็ด
พริกขี้หนูซอย 3 เม็ด
กระเทียมบด 1 ช้อนโต๊ะ

พร้อมแล้วก็ลงมือกันเลย เริ่มด้วยนำปลาแซลมอนมาแล่บางๆ จากนั้นนำปลาแซลมอนที่แล่แล้วมาห่อผัดกาดแก้วให้มีขนาดพอดีคำ นำสาหร่ายที่ตัดเป็นเส้นมาห่อด้านนอกอีกครั้ง ในส่วนของน้ำจิ้ม นำส่วนผสมทั้งหมดมารวมเข้าด้วยกัน คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันได้ที่

จากนั้นนำผักกาดแก้วและแตงกวาที่หั่นแตงกวาตามยาว มาวางตกแต่งจานให้สวยงาม ยกเสิร์ฟกินเป็นอาหารว่างระหว่างวันกันได้เลย เพราะนอกจากจะไม่อ้วนแล้วยังอิ่มอร่อยได้ง่ายๆสไตล์เมนูญี่ปุ่น แต่รสชาติไทยๆอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงส้มผักรวม

การทำแกงส้มผักรวม


เนื้อปลาช่อนหั่นเป็นชิ้น 3 ขีด
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะครึ่ง
น้ำปลา น้ำมะขามเปียกข้นๆ อย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ถ้วย
ยอดมะพร้าว 1 ขีด
สับปะรด และผักต่างๆ อย่าง ผักบุ้ง ผักกระเฉด ถั่วฝักยาว อย่างละพอประมาณ

ส่วนผสมเครื่องแกง

พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำให้นิ่ม 3 เม็ด
พริกขี้หนูแดง 5 เม็ด
หอมแดง 5 หัว
กระเทียม 3 กลีบ
รากกระชาย 3 ราก
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
กะปิกุ้ง 1 ช้อนชา

พอถึงขั้นตอนลงมือทำก็เริ่มด้วยการควงไม้ตีพริกมาตำโป๊กๆ ส่วนผสมเครื่องแกงทั้งหลายให้ละเอียด แล้วค่อยใส่เนื้อปลาชิ้นเล็กๆ ที่ต้มสุกโขลกรวมเข้าด้วยกันอีกครั้ง จากนั้นก็ตั้งไฟ ใส่น้ำลงในหม้อ รอให้น้ำเดือดจัด ใส่เครื่องแกงที่โขลก ใส่ปลาที่เหลือ ใส่ยอดมะพร้าว ตามด้วยสับปะรดและผักต่างๆที่มีลงไป

ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ เคี่ยวไฟอ่อนประมาณ 5 นาที เพื่อให้เครื่องปรุงเข้าน้ำผัก ชิมรสตามชอบว่าจะให้รสจัดออกเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ขนาดไหนก็สุดแล้วแต่ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงมัสมั่นเนื้อน่องลาย

การทำแกงมัสมั่นเนื้อน่องลาย
ส่วนผสมที่ต้องเตรียม

เครื่องแกงมัสมั่นสำเร็จรูป 50 กรัม
เนื้อน่องลาย 100 กรัม
กะทิสด 300 กรัม
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง 3 หัว
มันฝรั่งหั่นเป็นชิ้นๆ 1 หัว
ถั่วลิสงคั่วป่น 2 ช้อนชา
ถั่วลิสงเม็ด 15 เม็ด
ยี่หร่า 1/2 ช้อนชา

เตรียมส่วนผสมพร้อมแล้ว ถึงเวลาลงมือปรุง เริ่มจากแบ่งกะทิสดเป็น 2 ส่วนโดยประมาณ จากนั้นนำเนื้อน่องลาย และถั่วลิสงไปเคี่ยวกับกะทิส่วนที่ 1 จนถั่วลิสงสุกเป็นเม็ดใส และเนื้อเปื่อยนุ่ม นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ พักทิ้งไว้

หันมานำกะทิส่วนที่ 2 ตั้งเคี่ยวไฟอ่อน ๆ จนแตกมัน แล้วนำเครื่องแกงมัสมั่น และถั่วลิสงป่นลงไปผัดเคี่ยวกับกะทิให้หอม ใส่มันฝรั่งตามลงไป เคี่ยวจนสุกนุ่ม

จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดลงเคี่ยวรวมกัน เคี่ยวจนเครื่องแกงเข้าเนื้อ แล้วจึงใส่หอมแดงเคี่ยวให้สุกอีกที และปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำมะขามเปียก ชิมรสตามใจปาก

เท่านี้ก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกระบวนการทำ ได้ “แกงมัสมั่นเนื้อน่องลาย” กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ หรือจะเป็นโรตี หรือ ขนมปังปิ้งก็อร่อยเด็ดดีแท้

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงจืดฟัก

การทำแกงจืดฟัก
เครื่องปรุงแกงจืดฟักก็มี

ฟักหั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วยตวง
เห็ดหอมสด ½ ถ้วยตวง
หมูสับ ¼ ถ้วยตวง
กุ้งกุลาดำ 6-7 ตัว
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
ใบผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 2 ถ้วยตวง
พริกไทยป่น น้ำตาลทราย น้ำปลา (ตามแต่จะใส่)

สำหรับขั้นตอนการทำก็เริ่มจากการเตรียมส่วนผสมทั้งหมดเสียก่อน คือนำเห็ดหอมสดไปแช่น้ำให้พอนุ่ม แค่พออิ่มน้ำ (ส่วนถ้าไม่มีเห็ดหอมสดใช้เห็ดหอมแห้งก็แช่ให้บานนุ่มแค่พออิ่มน้ำเหมือนกัน) ส่วนกุ้งกุลาดำก็นำไปล้างให้สะอาด จากนั้นปอกเปลือกผ่าเอาเส้นดำที่หลังออกแล้วพักไว้ ส่วนกุ้งแห้งก็นำมาคลุกเคล้ารวมกับหมูสับ และตัวเอกที่สำคัญของมื้อนี้ คือฟักนำไปหั่นให้มีขนาดพอคำกำลังดีไม่ต้องใหญ่มากนัก และนำไปล้างให้สะอาด

คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนการลงมือปรุงกันเลย นำน้ำซุปลงหม้อแล้วตามด้วยฟัก จากนั้นปั้นหมูสับที่คลุกรวมกับกุ้งแห้งเป็นก้อนๆ ใส่ลงไป และก็ตามด้วยเห็ดหอม แล้วก็ต้มให้ฟัก หมูสับ และเห็ดหอม ทุกอย่างสุก (ทดสอบดูว่าฟักนิ่มแล้วก็เป็นอันว่าใช้ได้) แล้วค่อยปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย นิดหน่อย และก็นำกุ้งมาใส่ทีหลังเพื่อไม่ให้เนื้อกุ้งแข็ง เป็นอันว่าเสร็จก็ตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟได้ทันที อ้อ! อย่าลืมใส่พริกไทยโรยหน้าสักนิด เพื่อเพิ่มความหอม และโรยหน้าด้วยผักชี เพิ่มความสวยงามน่ากิน

อารหาร เมนูอาหาร อาหารเพื่อสุขภาพ

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงจืดปลาหมึกยัดไส้

การทำแกงจืดปลาหมึกยัดไส้
ปลาหมึกตัวขนาดประมาณ 5-6 นิ้ว ½ กิโลกรัม
หมูสับ 4 ขีด
แครอทหั่นลูกเต๋าเล็กๆ 2 ช้อนโต๊ะ
รากผักชี 2-3 ราก
กระเทียม 3-4 กลีบ
น้ำต้มกระดูกไก่หรือน้ำซุปไก่(ก้อน) พอประมาณ
ต้นหอม ผักชี น้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว พริกไทยป่น


เมื่อเครื่องปรุงพร้อม อุปกรณ์พร้อมก็เริ่มลงมือบรรเลงเพลงแกงจืดปลาหมึกยัดไส้กันได้

ขั้นตอนแรกก็คือ โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย จากนั้นคลุกเคล้ากับหมูสับให้เข้ากัน เหยาะน้ำปลาหรือซีอิ๊วขาวเล็กน้อย

ขั้นตอนต่อไปเป็นการยัดไส้ปลาหมึก ซึ่งก่อนอื่นก็ให้นำปลาหมึกไปล้างให้สะอาด ดึงหัวดึงไส้ออกออก ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ นำหมูสับที่ผสมไว้ยัดลงไปในตัวปลาหมึก เอาแค่พอให้ปลาหมึกอ้วน ไม่ต้องถึงกับแน่นเต็มท้อง แล้วนำปลาหมึกไปนึ่งให้พอสุก จากนั้นหั่นปลาหมึกเป็นริ้วๆเพื่อให้ตักกินง่าย

เสร็จสรรพตั้งน้ำซุปให้เดือด(กะน้ำซุปให้ท่วมปลาหมึกพอประมาณ) ใส่ปลาหมึกที่นึ่งลงไปในหม้อ ตามด้วยแครอท พอน้ำซุปเดือด ปลาหมึกสุกได้ที่ ปรุงรสด้วยเติมซีอิ๊วขาวหรือน้ำปลาตามใจชอบ

สุดท้ายตักใส่ถ้วย โรยด้วยต้นหอม ผักชี เหยาะพริกไทยนิดหน่อยเพิ่มความหอม ก่อนเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ ตักกินให้เพลินปากกับรสชาติกลมกล่อมแบบง่ายๆ แต่ว่าซดคล่องคอดับความฝืดหลายๆอย่างได้ดีนักแล

วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงคั่วปลาดุกมะระ

การทำแกงคั่วปลาดุกมะระ

ส่วนผสม

ปลาดุก 1 ตัว
มะระจีน 1 ลูก
น้ำพริกแกงคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 4 ถ้วย
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ ก็เริ่มจากล้างปลาดุกให้สะอาด ผ่าท้องเอาไส้ออก ทาเกลือไว้ให้ทั่ว แล้วหั่นเป็นท่อนๆ เอาไว้ จากนั้นมาจัดการกับมะระโดยผ่าเป็นชิ้นตามยาว เอาไส้และเมล็ดออกให้หมด จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นบางๆ แล้วหันไปตั้งกะทิครึ่งหนึ่งให้เดือดด้วยไฟปานกลาง ใส่น้ำพริกแกงคั่ว (หาซื้อได้ทั่วไปตามตลาด) ลงผัดให้หอมและแตกมัน จากนั้นก็ค่อยๆ ใส่กะทิที่เหลืออยู่จนหมด ตั้งทิ้งไว้จนเดือดแล้วจึงใส่ปลาดุกตามลงไป รอจนปลาสุกแล้วจึงใส่มะระที่หั่นไว้แล้ว จากนั้นก็ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ แล้วรอจนน้ำเดือดอีกครั้งก็เป็นอันเสร็จ

“แกงคั่วปลาดุกมะระ” ถ้วยนี้ กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยดีนักแหละ ใครสนใจจะเอาไปเป็นเมนูพิเศษมื้อเย็นนี้เลยก็ได้ไม่ว่ากัน

การทำแกงเหลืองมะม่วงดิบกับปลาแซลมอน

การทำแกงเหลืองมะม่วงดิบกับปลาแซลมอน

ส่วนผสมมีดังนี้
พริกขี้หนูแห้ง 20 เม็ด
กระเทียมปอกเปลือก 25 กลีบเล็ก
กะปิ 0.5 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูแดงสด 25 เม็ด
ขมิ้นเหลืองขนาดประมาณหัวแม่มือ 1 แง่ง
เกลือ 0.5 ช้อนชา
(นำส่วนผสมทั้ง 6 อย่างข้างต้นนี้มาโขลกรวมกันให้ละเอียดเป็นเครื่องแกงเหลือง)
น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลาดี 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
น้ำซุปปลา (จากหัวปลาแซลมอนหรือจากปลาชนิดอื่นก็ได้) 2 ถ้วยตวง
ปลาแซลมอนที่สุกแล้ว (หั่นชิ้นหนากำลังดี จำนวนตามแต่จะใส่ หรือจะเปลี่ยนเป็นปลาอย่างอื่นที่ชอบก็ได้ไม่ว่ากัน)
มะม่วงดิบน้ำดอกไม้ (หั่นชิ้นบาง จำนวนตามแต่จะใส่ )

หลังจากเตรียมส่วนผสมพร้อมแล้ว ก็ลงมือทำกันเลย เริ่มจากนำเครื่องแกงเหลืองที่ผ่านการโขลกจนละเอียดแล้วมาละลายกับน้ำซุปหัวปลาโดยให้มีความข้นพอดีและไม่ใสจนเกินไป แล้วนำขึ้นตั้งไฟโดยใช้ไฟปานกลาง เคี่ยวน้ำกับเครื่องแกงสักพักหนึ่งให้มีกลิ่นหอมเครื่องแกงและสีสันสวยงาม

จากนั้นก็ใส่มะม่วงลงไป ให้ได้ความเปรี้ยวจากมะม่วงและชิมน้ำแกง แล้วปรุงรสด้วย น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ ให้มีรสชาติ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ก็เคี่ยวมะม่วงให้สุกแล้วจึงใส่เนื้อปลาแซลมอนลงไป เป็นอันว่าเสร็จสรรพ ตักใส่ถ้วย กินร้อนๆกับข้าวสวยสักจาน สองจาน รับรองว่าอิ่มอร่อยจนพุงกางกันไปอีก 1 มื้อ

วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงเลียงกุ้งสด

การทำแกงเลียงกุ้งสด
เครื่องแกง
กุ้งแห้งป่นละเอียด 4-5 ช้อนชา
หอมแดง 3-4 หัว
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
กะปิ 1-2 ช้อนชา
กระชายหัว 2 ช้อนชา
กระเทียม 1 ช้อนชา
รากผักชี 3 ราก

เครื่องปรุง
กุ้งสด 1 ถ้วยตวง
ฟักทองหั่นชิ้นเล็กๆ 1 ถ้วยตวง
บวบหั่นเฉียง 1 ถ้วยตวง
เห็ดฟาง ½ ถ้วยตวง
ใบตำลึง 1 ถ้วยตวง
ข้าวโพดอ่อนหั่นเป็นท่อนๆ ½ ถ้วยตวง
ใบแมงลัก ½ ถ้วยตวง
น้ำปลา
น้ำต้ม ประมาณพอสมควร

หลังจากที่เตรียมส่วนผสมกันเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มจากการทำเครื่องแกง ด้วยการนำพริกไทย หอมแดง กะปิ กระเทียม กระชาย รากผักชี มาโขลกรวมกันให้ละเอียด จากนั้นเอากุ้งแห้งป่นลงไปโขลกให้เข้ากันอีกที แล้วตักใส่ชามพักไว้

ในส่วนเครื่องปรุงก็นำกุ้งสดไปลวกแล้วแกะเปลือกออก ล้างให้สะอาด พักไว้

นำหม้อต้มน้ำพอประมาณให้เดือด จากนั้นใส่เครื่องแกง และผักที่สุกยากลงไปก่อน อย่าง ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน แล้วค่อยใส่ผักที่เหลือลงไป ตามต่อด้วยกุ้งลวก พร้อมปรุงรสเพิ่มตามใจชอบ เพียงแค่นี้ก็จะได้ "แกงเลียงกุ้งสด" ร้อนๆ กินกับข้าวสวยร้อนๆ แก้หนาวนี้ได้เป็นอย่างดี

สูตรอาหาร

วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงเผ็ดเป็ดย่างเจ

การทำแกงเผ็ดเป็ดย่างเจ
เป็ดเจ 4 ขีด (ทอดกรอบ หั่นเป็นชิ้นพองาม)
มะพร้าวขูด 1/2 กก. (คั้นแยกหัวกะทิ 1 ถ้วย หางกะทิ 3 ถ้วย)
พริกแกงเผ็ดเจ 1 ขีด
สับปะรด 4 ชิ้น
ลิ้นจี่ 4 ลูก
มะเขือเทศสีดา 4 ลูก
มะเขือเปราะผ่าสี่ 3 ลูก
มะเขือพวง 3 ช้อนโต๊ะ
เห็ดหอม 2 ดอก
เห็ดฟาง 3 ดอก
ใบโหระพา 1 กิ่ง (เด็ดเป็นใบๆ )
ใบมะกรูด 3 ใบ (ฉีกเป็นชิ้นใหญ่ๆ)
พริกชี้ฟ้าแดง,เหลือง 2 เม็ด (หั่นเฉียงๆ)
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ

เห็นส่วนผสมเยอะอย่างนี้ ก็อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะขั้นตอนการทำนั้นแสนจะง่ายดาย ขั้นแรกก็ตั้งกระทะใส่น้ำมัน แล้วใส่พริกแกงเผ็ดเจผัดจนหอม ตามด้วยใส่หัวกะทิลงไปผัดให้แตกมันใส่ใบมะกรูด เติมหางกะทิลงไป

พอน้ำกะทิเดือดก็จึงใส่เป็ดเจ ใส่บรรดาผักผลไม้ทั้งหลายที่เตรียมไว้ลงไปแล้วปรุงรสด้วย เกลือ ซีอิ๊วขาว น้ำตาลปี๊บ สุดท้ายใส่ใบโหระพา เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

มื้อนี้ถึงจะเป็นแค่แกงเผ็ดเป็ดย่างเจ แต่รสชาติความอร่อยและหน้าตาสีสันก็ไม่ได้แพ้เนื้อเป็ดจริงๆ เลยนะจะบอกให้

อาหารเจ อาหารเพื่อสุขภาพ เมนูอาหารลดความอ้วน

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำ กะเพราไก่ทรงเครื่อง

การทำ กะเพราไก่ทรงเครื่อง

โดยเครื่องปรุงก็ประกอบไปด้วย

น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
หอมใหญ่หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ½ ถ้วยตวง
กระเทียมทุบและสับ 2 ช้อนโต๊ะ
พริกแห้งหั่นเป็นท่อนสั้นๆ 2-3 เม็ด
พริกชี้ฟ้าหั่นท่อนสั้นๆ 2-3 เม็ด
เนื้อไก่หั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วยตวง
ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงอาหาร 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวง
นมข้นแปลงไขมัน 2 ช้อนโต๊ะ
ใบกะเพรา 1 ถ้วยตวง

สำหรับวิธีการทำนั้นก็เริ่มจาก ใส่น้ำมันลงกระทะ ตามด้วยกระเทียม พริกแห้ง ผัดรวมกันจนกรอบ จากนั้นตักขึ้นพักไว้ แล้วจึงใส่ไก่ลงไปผัด ตามด้วยน้ำเปล่าเล็กน้อย

เสร็จแล้วก็ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม และซอสปรุงรส ผัดให้เข้ากัน ใส่น้ำเปล่าเล็กน้อย พริกชี้ฟ้า และนมข้นแปลงไขมัน กะว่าผัดพอสุกยกลง จากนั้นใส่ใบกะเพราไปคลุกเคล้า จากนั้นตักใส่จาน ก็เป็นอันเสร็จกระบวนการทำ

ใครจะตักกินกับข้าวหรือคลุกกินกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน สำหรับผู้ที่สนใจถ้ามีเวลาว่างน่าจะลองทำดู เพราะเมนูนี้เป็นเมนูที่ทำง่ายแต่ไม่สิ้นคิด แถมกะเพราไก่ทรงเครื่องยังให้คุณค่าของโปรตีน พร้อมทั้งคุณค่าของสสมุนไพรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กระเทียม หอมใหญ่ พริก และ ใบกะเพรา ซึ่งจะช่วยกันขับลมและลดไขมันในร่างกาย กินแล้วสบายท้องดีแท้

วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำแกงเทโพ

การทำแกงเทโพ

เครื่องปรุง

เนื้อหมูสามชั้น 2 ขีด
ผักบุ้งไทยหั่นเป็นท่อนสั้นๆ 2 ขีด
น้ำพริกแกงคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 3 ถ้วย
มะกรูด 1 ผล
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ เริ่มจากจัดการกับเนื้อหมูก่อน ด้วยการล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำเตรียมไว้ จากนั้นหันไปเอากะทิ 1 ถ้วยขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่น้ำพริกแกงคั่ว (หาซื้อได้ตามตลาด) ลงผัดจนหอม แล้วจึงใส่กะทิที่เหลือตั้งไฟต่อไปอีกจนเดือดแล้วก็ใส่หมูสามชั้นลงตามไป

เมื่อหมูสุกดีแล้วก็ใส่ผักบุ้งตาม พอผักเริ่มยุบเราก็เริ่มปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก เพิ่มกลิ่นหอมๆ ด้วยน้ำมะกรูด หรือจะใส่มะกรูดหั่นเป็นแว่นๆ ลงไปด้วยก็ได้

ก็เป็นอันเสร็จแกงเทโพร้อนๆ ได้กลิ่นกะทิหอมๆ กินกับข้าวสวย อืม...อร่อยไม่ใช่น้อย และการที่ใช้ผักบุ้งมาแกงกับกะทิอย่างนี้ ไขมันในกะทิก็จะละลายวิตามินเอออกมา ซึ่งจะทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเอได้ดีขึ้นอีกด้วยละ


อาหาร อาหารจานด่วน เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำเอล อินเฟอร์โน

การทำเอล อินเฟอร์โน

ส่วนผสม
แตงโม(ปลอกเปลือก) 3-4 ชิ้น
น้ำส้ม 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
เหล้ารัม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็ง 1/3แก้ว

เมื่อได้ส่วนผสมครบแล้ว ก็มาถึงวิธีการทำ ขั้นตอนแรกให้นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในเชคเกอร์ที่บรรจุน้ำแข็งเอาไว้แล้ว หลังจากนั้นเพียงเขย่าแรงๆให้เข้ากัน เสร็จแล้วรินใส่แก้วพร้อมยกเข้าปากก็เป็นอันเสร็จพิธีสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายแถมยังอร่อยลิ้นอีกต่างหาก แต่ถ้าหากใครหนาวใจ อันนี้ “กุ๊กเล็ก” จนปัญญาจริงๆจ้า


อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารไทย อาหาร 5หมู่

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำค็อกเทล เฟสทีฟเซลิเบรชั่น

การทำค็อกเทล เฟสทีฟเซลิเบรชั่น


หลายๆ พื้นที่ของประเทศไทยตอนนี้โดยเฉพาะทางภาคเหนือและอีสานก็เริ่มได้สัมผัสอากาศเย็นๆ กันบ้างแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าลมหนาวนั้นพัดมาไม่ค่อยจะถึงกรุงเทพฯ เสียบ้างเลย ตอนนี้ “กุ๊กเล็ก” ก็ได้แต่รอ...ร้อ...รอ อยากจะหนาวกับเขาบ้าง


และเพื่อเป็นการต้อนรับลมหนาวที่กำลังเดินทางมา “กุ๊กเล็ก” ก็มีเมนูค็อกเทลง่ายๆ อย่าง “เฟสทีฟเซลิเบรชั่น” ที่ได้สูตรมาจาก “ครอสโรดบาร์” โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ มาให้ลองทำกัน

ส่วนผสม

วอดก้า 1 ออนซ์
เชอรี่บรั่นดี 1/2 ออนซ์
น้ำส้ม 3 ออนซ์
น้ำมะนาว 1 ออนซ์
ไซรัป 1/2 ออนซ์

(1 ออนซ์ = 2 ช้อนโต๊ะ)

วิธีทำก็แสนง่าย ใส่น้ำส้มตามด้วยวอดก้าและเชอรี่บรั่นดีลงในเชคเกอร์ แล้วเขย่าให้เข้ากัน จากนั้นจึงนำมากรอง แล้วเทใส่แก้วตามด้วยน้ำแข็ง แล้วตกแต่งด้วยชิ้นส้มฝานและผลเชอรี่ พร้อมเสิร์ฟได้ทันที เมนูง่ายๆ อย่างนี้เหมาะจะทำดื่มกันในงานปาร์ตี้เล็กๆ ระหว่างเพื่อนฝูง หรือใครอยากจะเปลี่ยนจากน้ำส้มเป็นน้ำผลไม้อื่นๆ ก็ครีเอทกันได้ตามสะดวก

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การทำเปาะเปี๊ยะทอด

การทำเปาะเปี๊ยะทอด
แผ่นเปาะเปี๊ยะ 10 -15 แผ่น
เห็ดหอม (หรือจะใช้เป็นเห็ดหูหนูก็ได้) 3 ดอก
วุ้นเส้นแช่น้ำให้นุ่มตัดเป็นท่อนสั้นๆ 1/2 ถ้วย
หมูสับ 2 ขีด
ไข่ไก่ 1 ฟอง
แครอทหั่นฝอย 2 ขีด
ถั่วงอกเด็ดหาง 1/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว รากผักชี กระเทียม พริกไทย พอประมาณ
น้ำมันพืชสำหรับทอด และน้ำเปล่าสำหรับทาแผ่นเปาะเปี๊ยะ

เมื่อเตรียมส่วนผสมได้แล้วก็ลงมือได้เลย โดยเริ่มจากผสมเนื้อหมู ไข่ไก่ แครอท เห็ดหอม ถั่วงอก พริกไทย น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว และวุ้นเส้นคลุกเคล้าเข้ากัน จากนั้นก็โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ทั้งหมดให้ละเอียด ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เอาที่โขลกลงผัดให้หอม ตามด้วยส่วนผสมไส้เปาะเปี๊ยะที่คลุกไว้ ผัดพอสุกแล้วตักขึ้นมาพักไว้

แล้วก็ถึงขั้นตอนการห่อเปาะเปี๊ยะ โดยถ้าแผ่นเปาะเปี๊ยะบางไป ก็ให้วางซ้อนกันสองแผ่น ตักไส้ใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วม้วนแผ่นเปาะเปี๊ยะให้แน่นเป็นแท่งกลม ๆ พับหัวท้าย ทาขอบแผ่นเปาะเปี๊ยะด้วยน้ำเปล่า จากนั้นก็ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เปาะเปี๊ยะลงไปทอดให้สุกเหลืองแล้วตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน

สำหรับส่วนผสมของน้ำจิ้มประกอบด้วย พริกชี้ฟ้าแดงโขลก 5 เม็ด ,น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ,เกลือป่น 1/2 ช้อนชา ,น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ ซึ่งพอส่วนผสมครบก็แค่ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนน้ำตาลละลายและเหนียวก็ยกลง หั่นเปาะเปี๊ยะเป็นชิ้นพอคำ จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับผักและน้ำจิ้ม อิ่มอร่อยไปได้อีกมื้อ

การทำอาหาร สูตรอาหาร เมนูอาหาร

การทำเนื้อสะดุ้งปรุงมะนาว

การทำเนื้อสะดุ้งปรุงมะนาว

สำหรับส่วนผสม (สำหรับรับประทานในครอบครัว 4 คน)

เนื้อสันใน 2 ขีด
น้ำมะนาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ


ส่วนวิธีทำนั้นก็ง่ายแสนง่าย เริ่มจากหั่นเนื้อตามขวางเป็นชิ้นเล็กๆขนาดพอดีคำ ผสมซอสมะเขือเทศ ซอสปรุงรสน้ำมันหอย และน้ำมะนาวให้เข้ากัน จากนั้นตั้งน้ำให้เดือดพล่านจุ่มเนื้อให้พอสะดุ้ง นำน้ำปรุงรสราดลงบนเนื้อและเคล้าให้เข้ากันดี

ตกแต่งจานเพื่อเพิ่มสีสันให้ดูน่ากินยิ่งขึ้นด้วย มะนาว กะหล่ำปลี วางประดับพอสวยงาม กินเป็นกับข้าวหรือกินเป็นกับแกล้มกันในครอบครัวกับเพื่อนฝูงก็เหมาะนักแล

การทำเนื้อแช่น้ำปลา

การทำเนื้อแช่น้ำปลา

ส่วนผสม

เนื้อวัว 5 ขีด(ควรใช้เนื้อสันในหรือเนื้อสะโพก)
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา ½ ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ



วิธีทำ นำเนื้อที่เตรียมไว้มาแล่บางๆ แล้วนำเกลือ น้ำตาลมาโขลกจนละเอียดแล้วนำมาโรยบนเนื้อให้ทั่วทั้ง 2 ด้าน เสร็จแล้วนำน้ำปลา น้ำมันพืชมาหมักในเนื้ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นนำมาผึ่งแดดให้หมาด 1-2 แดด แล้วนำไปเก็บในที่โปร่งหรือในตู้เย็นก็ได้แต่ต้องเก็บให้แห้ง เวลาจะทอดก็นำไปหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ ทอดในกระทะที่มีน้ำมันพอสมควรโดยใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน แต่อย่าทอดนานเดี๋ยวจะเหนียวเกินพอดีไป สำหรับใครที่ไม่ทานเนื้อก็สามารถดัดแปลงเป็นเนื้อหมูได้จ้า

การทำเต้าฮวยนมสด

การทำเต้าฮวยนมสด
อาหารลดความอ้วน การทำอาหาร เพื่อสุขภาพ

ส่วนผสม
ผงทำเต้าฮวยเย็นสำเร็จรูป 130 กรัม
นมสดพร่อยมันเนย 3 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
ผลไม้ตามฤดูกาล

วิธีทำ
เริ่มต้นโดยการตั้งกระทะ แล้วเทนมสดที่เตรียมไว้ลงในกระทะ ใช้ทัพพีหมั่นคนเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้นมจับตัว เมื่อน้ำนมเดือดพล่านแล้วค่อย ๆเทผงเต้าฮวยเย็นลงในกระทะ คนต่อไปเรื่อย ๆ จนแน่ใจว่าผงเต้าฮวยที่เทลงไปละลายจนหมดแล้ว จึงเติมน้ำตาลลงไปเคี่ยวต่อ เมื่อน้ำตาลละลายหมดแล้ว

ทิ้งพักไว้สักครู่ก่อนเทลงบนแม่พิมพ์หรือถาด ปล่อยไว้จนเย็นจะแข็งตัวเอง ถ้าต้องการให้แข็งเร็วขึ้นให้นำไปแช่ตู้เย็น เมื่อแข็งดีแล้วให้นำออกมาตกแต่งด้วยผลไม้ตามฤดูกาลเพียงเท่านี้ก็อร่อยได้สไตล์นมสดแปรรูป

นั่งดูโทรทัศน์รายการโปรด ควบคู่ไปกับการกิน “เต้าฮวยนมสด” เป็นของว่าง ทั้งเพลินตา ชื่นใจแสนอร่อยใครที่ยังนึกเมนูนมๆไม่ออกก็อย่าลืมนี้ล่ะ

การทำเต้าหู้สอดไส้สาหร่าย

การทำเต้าหู้สอดไส้สาหร่าย
ส่วนผสม
เต้าหู้หลอดขาว 2 หลอด
ผักไต้หวัน 2 ขีด
สาหร่ายเส้นผม(แช่น้ำแล้ว) 30 กรัม
แครอท, เห็ดหอม, คึ่นช่ายไทย, ก้านผักกาดขาว 50 กรัม
ปลิงเจ, ปลาหมึกเจ, กุ้งเจ อย่างละ 30 กรัม
น้ำมันเห็ดหอม 1 ½ ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
แป้งมัน 2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุปเจ 1 ถ้วยตวง
ซีอิ๊วดำ พริกไทยป่น น้ำมันพืช


เมื่อเตรียมส่วนผสมแล้วก็ลงมือทำกันเลย เริ่มจากนำเต้าหูมาหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วทอดให้เหลืองกรอบ จากนั้นเจาะรูตรงกลางของเต้าหู้ที่ทอดแล้ว นำแครอท, เห็ดหอม, คึ่นช่ายไทย, ก้านผักกาดขาว, ปลิงเจ, ปลาหมึกเจ และกุ้งเจ มาหั่นเป็นเส้นเล็กๆ แล้วนำไปผัดพร้อมปรุงรส จากนั้นนำมาใส่เข้าไปในเต้าหู้ทอดที่เจาะรูตรงกลางแล้ว โดยใส่เพียงครึ่งหนึ่ง แล้วอีกครึ่งหนึ่งใส่สาหร่ายเส้นผม จากนั้นนำเต้าหู้ที่สอดไส้สาหร่ายแล้วไปนึ่งประมาณ 8-10 นาที

นำผักไต้หวันไปผัดในน้ำมันที่ร้อนได้ที่พร้อมปรุงรสชาติ แล้วนำไปจัดเรียงรอบๆเต้าหู้สอดไส้สาหร่าย สุดท้ายนำน้ำซุปเจใส่กระทะตั้งเตาให้ร้อน ปรุงรสชาติด้วยน้ำมันเห็ดหอม, ซีอิ๊วขาว, น้ำตาลทราย, พริกไทยป่น, น้ำมันงา และซีอิ๊วดำ แล้วใส่แป้งมันตีน้ำให้เหนียว (เรียกว่าน้ำแดงหรือน้ำราดผัก) จากนั้นนำมาราดบนเต้าหู้สอดไส้สาหร่ายให้ทั่ว พร้อมเสิร์ฟได้ทันที

http://www.manager.co.th/