วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ กุ้งนึ่งเนยราดกระเทียม

การทำ กุ้งนึ่งเนยราดกระเทียม

ส่วนผสม

กุ้งทะเล(หรือกุ้งอะไรก็ได้แล้วแต่ชอบ) 3 ตัว (ประมาณ 300 กรัม)
หน่อไม้ฝรั่ง 300 กรัม
กระเทียมสับหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ
หอมซอย 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น ¼ ช้อนชา
ซีอิ้วขาว 4 ช้อนชา
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
น้ำมันหอย 3 ช้อนชา
น้ำตาล ½ ช้อนชา
เนย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป ½ ถ้วยตวง

ส่วนวิธีทำก็เริ่มจากล้างกุ้งให้สะอาด ตัดเปลือกตามแนวยาวตั้งแต่หัวถึงหาง ใช้มีดผ่ากลางหลังเอาเส้นกลางหลัง(หรือรู้จักกันว่า เส้นขี้)ออก บากใต้ท้อง 2-3 รอยเพื่อไม่ให้กุ้งงอเมื่อนึ่งสุก แล้วจัดแจงนึ่งกุ้งให้พอสุก อาจจะใช้เตานึ่ง หรือใช้ไมโครเวฟก็ได้ จากนั้นนำน้ำซุปผสมกับซีอิ้วขาว น้ำมันหอย น้ำมันงา และพริกไทยป่น จากนั้นนำกระทะมาตั้งไฟอ่อนใส่เนย พอละลายได้กลิ่นหอมก็ใส่กระเทียมและน้ำซุปที่เตรียมไว้ลงไปผัด เติมน้ำตาลเล็กน้อยแล้วคนให้ทั่วจึงดับไฟ สำหรับหน่อไม้ฝรั่ง ตั้งน้ำให้เดือด แล้วใส่หน่อไม้ฝรั่งลงไปลวกพอสุกแล้วเอาขึ้นทันที

จากนั้นนำกุ้งวางเรียงบนจานเคียงด้วยหน่อไม้ฝรั่ง แล้วนำน้ำซุปเนยกระเทียมราดให้ทั่ว โรยต้นหอมพอสวยงาม พร้อมรับประทานได้ทันที รับรองว่าทำง่ายและถ้าเด็กๆได้ยลโฉมและลิ้มลองแล้วจะต้องติดใจไปตามๆกัน

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ กุ้งกุลาดำผัดพริกสามสี

การทำ กุ้งกุลาดำผัดพริกสามสี

ส่วนผสม

กุ้งกุลาดำ 6-7 ตัว
พริกยักษ์สีเหลือง ครึ่งลูก
พริกยักษ์สีเขียว ครึ่งลูก
พริกยักษ์สีแดง ครึ่งลูก
ไวน์ขาว 2 ช้อนโต๊ะ
ผักกรีนโอ๊ค, เรดโอ๊ค (ผักไฮโดรโปนิกส์) อย่างละ 1 ต้น
หอมใหญ่สับ ครึ่งลูก
หอมแดงสับ 3 หัว
กระเทียมสับ 5 กลีบ
เกลือ 1/4 ช้อนชา
พริกไทย 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ เริ่มจากนำกุ้งกุลาดำที่เตรียมไว้ลงผัดในน้ำมันมะกอก ตามด้วยหอมใหญ่สับ หอมแดงสับ และกระเทียมสับ ผัดให้เข้าเนื้อกันดี แล้วปรุงรสด้วยไวน์ขาว จากนั้นก็นำพริกยักษ์ทั้งสามสีลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสอีกครั้งด้วยเกลือและพริกไทย แล้วจึงนำมาจัดใส่จานและตกแต่งด้วยผักกรีนโอ๊คและเรดโอ๊คให้สวยงามเป็นอันเสร็จ

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำกุ้งกุลาดำผัดซอสพริกฝรั่ง

การทำกุ้งกุลาดำผัดซอสพริกฝรั่ง

กุ้งกุลาดำตัวใหญ่ 6 ตัว
พริกฝรั่งแดงย่าง 1 เม็ดใหญ่
บล็อคโคลี่ ½ ดอก
กระเทียมสับ ½ ช้อนชา
ไวน์ขาว 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ น้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทยดำ


สำหรับวิธีการทำนั้นก็เริ่มจากนำบล็อกโคลี่ผัดกับน้ำมันมะกอกเสร็จแล้วพักไว้

จากนั้นเจียวกระเทียมสับให้พอสุกมีกลิ่นหอม แล้วนำกุ้งลงผัดประมาณ 1-2 นาที ปรุงรสด้วยไวน์ขาว ผัดอีกประมาณ 1 นาที ตามซอสมะเขือเทศและพริกฝรั่งแดง ผัดให้เข้ากัน แล้วปรุงรสอีกครั้งด้วย เกลือ พริกไทยดำ

เท่านี้ก็เป็นอันว่าเสร็จตักใส่จานวางเคียงกับผักบล็อกโคลี่ กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ อิ่มสบายท้องกันไปอีกหนึ่งมื้อ

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำก๋วยจั๊บเข้มข้น

การทำก๋วยจั๊บเข้มข้น


เครื่องปรุง
เส้นกวยจั๊บต้มสุก 2 ถ้วย
ไข่ไก่ต้มปอกเปลือก 1 ฟอง
หมูกรอบ 4 ชิ้น
อบเชยป่น(หรือผงพะโล้) 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วดำอย่างหวาน 4 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 1/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
ต้นหอมและผักชีซอยสำหรับโรยหน้า 1 ช้อนโต๊ะ
เต้าหู้สี่เหลี่ยมทอดกรอบหั่นชิ้นขนาดพอคำ ¼ ถ้วยตวง
ตับหมู เลือดหมู เนื้อหมู อย่างละ 1-2 ชิ้น


อันดับแรกก็ต้มน้ำให้เดือด ใส่อบเชยป่น ซีอิ้วดำ ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย เกลือ ลงไป ตามด้วยไข่ไก่ต้มสุก เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 30 นาที จากนั้นก็ตักเส้นกวยจั๊บใส่ชาม ตักน้ำเครื่องปรุงราด และตามด้วยไข่ไก่ผ่าซีก เต้าหู้ทอดกรอบ หมูกรอบ ตับหมู เลือดหมู เนื้อหมู โรยหน้าด้วยต้นหอมและผักชี แค่นี้ก็เรียบร้อย

แต่ถ้าอยากให้อลังการงานสร้างกว่านี้ ก็อาจจะใส่โคนปีกไก่และเห็ดหอมลงไปด้วย หรือถ้าอยากกินแบบกวยจั๊บน้ำข้น ก็เพียงแค่ใส่แป้งข้าวเจ้าหรือแป้งข้าวโพดก็ได้ ใส่ลงไปตอนที่ต้มเส้นกวยจั๊บแล้วคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ก็จะได้อีกหนึ่งรสชาติ

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ

การทำ ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ

เครื่องปรุงที่ต้องเตรียม
เส้นใหญ่ 1 ถ้วยตวง
หมูสับลวกสุก ½ ขีด
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง ½ ช้อนชา
น้ำตาล ½ ช้อนชา

ผักที่ต้องใส่มีถั่วฝักยาว มะเขือเทศ หอมใหญ่ และแครอทหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หรือจะใส่ผักอย่างอื่นก็ได้ตามแต่ชอบ
ส่วนผักกาดหอม ผักชีเอาไว้ตกแต่ง
น้ำเปล่า ซีอิ้วดำ น้ำมันพืช พริกไทย


สำหรับขั้นตอนการทำนั้นแสนง่าย เริ่มจากผัดเส้นกันก่อน โดยตั้งกระทะใส่น้ำมันนิดหน่อยนำเส้นใหญ่ลงผัดกับซีอิ๊วดำ ผัดคลุกเคล้าเข้ากันจนเส้นสุก แล้วก็ตักพักทิ้งไว้

จากนั้นหันมาทำน้ำราด โดยนำน้ำเปล่ามาตั้งไฟแล้วใส่แป้งมันลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นตีน้ำให้พอเหนียวแล้วใส่ซอสมะเขือเทศ ซอสถั่วเหลือง น้ำตาลลงไปปรุงรส แล้วก็ตามด้วยใส่หมูสับลงไป พร้อมกับผักผัดให้ทุกอย่างเข้ากันอีกที ก็เป็นอันว่าใช้ได้

ทีนี้ก็นำน้ำราด มาราดลงบนเส้นใหญ่ที่จัดใส่จานรองด้วยผักกาดหอมไว้ ก็เป็นอันว่าเสร็จสรรพพร้อมกิน แต่งหน้าด้วยผักชีและโรยพริกไทยอีกนิดหน่อย ก็อร่อยไปกับ “ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ” น้ำขลุกขลิก เส้นนุ่มเคี้ยวหนึบหนับ รสชาติหอมนุ่มละมุนลิ้น

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ ก๋วยเตี๋ยวผัดแห้งแต้จิ๋ว

การทำ ก๋วยเตี๋ยวผัดแห้งแต้จิ๋ว
ส่วนผสม

ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 250 กรัม
ผักคะน้าหั่นเป็นแว่นกลมๆ 100 กรัม
ถั่วงอก 50 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
หัวไชโป้วชนิดหวานสับหยาบ 50 กรัม
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
น้ำมันพืช (ใช้เพียงนิดเดียวสำหรับผัด)


ขั้นตอนการทำอาหารจีนแบบง่ายๆ เมนู “ก๋วยเตี๋ยวผัดแห้งแต้จิ๋ว” นี้ เริ่มจากนำเส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่มาคั่วด้วยไฟอ่อนๆ คั่วจนให้เส้นหอม จากนั้นใส่ไข่ไก่ ผักคะน้า หัวไชโป้ว ลงผัดให้เข้ากัน และปรุงรสตามใจชอบ แล้วก็ผัดเครื่องปรุงทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกที

หลังจากนั้นก็เร่งไฟให้แรงมากขึ้น แล้วใส่ถั่วงอกลงไป ผัดให้ขึ้นกลิ่นหอม ก็เป็นอันว่าใช้ได้ ทำเสร็จตักใส่จานหรือชามที่เตรียมไว้ คีบเส้นก๋วยเตี๋ยวกินตอนร้อนๆ อร่อยกันไปอีกหนึ่งมื้อ

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

การทำ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

เครื่องปรุง
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 1 ถ้วย
เนื้อไก่ (เลือกใช้ส่วนสะโพกติดมันนิดๆ) 100 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน 5-6 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอม ผักชี 2 ต้น
ผักกาดหอมเด็ดเป็นใบ 1 ต้น


เตรียมเครื่องปรุงส่วนผสมเสร็จสรรพ ก็จับไก่มาหั่นเป็นชิ้นพอคำ ซึ่งถ้าใครขยันหน่อยก็อาจจะหมักไก่ โดยใส่ซอสปรุงรส น้ำมันหอย พริกไทย น้ำตาล อย่างละพอประมาณ หมักทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง (“กุ๊กเล็ก”เคยได้ยินว่าถ้าใส่นมสดกับน้ำมันพืชผสมเข้าไปด้วย ก็จะช่วยให้เนื้อไก่นุ่มเด้งเช้งกะเด๊ะขึ้น สงสัยวันหลังต้องลองทำดูบ้างแล้ว)

เอาเป็นว่าหลังจากจัดการกับไก่แล้ว ก็หันมาจับตะหลิวตั้งกระทะใส่น้ำมัน อ้อ !! ขอคั่นรายการนิดนึง ถ้าหากว่าใครใช้กระทะเทปลอนก็คงไม่มีปัญหาเรื่องเส้นติดกระทะ แต่ถ้าใครใช้กระทะธรรมดาแนะนำว่าให้เผากระทะก่อน ด้วยการเปิดไฟแรงจนน้ำมันร้อนเป็นควัน เทน้ำมันทิ้ง แล้วเอาน้ำมาราดกระทะเร็วๆเพื่อล้างน้ำมันที่ไหม้ออกไป จะช่วยให้เส้นไม่ติดกระทะได้ดีเชียวล่ะ

พักคั่นด้วยกลเม็ดเคล็ดลับแล้วก็มาทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กันต่อ เริ่มด้วยใส่น้ำมันเล็กน้อยในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน เอาไก่ลงไปผัดให้สุก ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยว ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่เหลือผัดให้เข้ากัน ผัดให้เส้นร่วนไม่ติดกันก่อนจะตอกไข่ ใส่ต้นหอม ลงไปผัดอีกนิดหน่อย เสร็จแล้วก็ตักใส่จานที่รองด้วยผักกาดหอม โรยต้นหอมผักชีซอย ใส่พริกไทย น้ำส้ม พริกป่น ตามรสนิยมลิ้น แค่นี้มื้อนี้ก็อิ่มอร่อยแล้ว

แต่ถ้าอยากให้อลังการเพิ่มขึ้นไม่อยากกินไก่อย่างเดียว ก็อาจจะเติมตับอ่อนหมู ปลาหมึกแช่ด่าง และตั้งฉ่าย ลงไปผัดด้วย พร้อมกับกินคู่กับปาท่องโก๋กรอบๆ ก็จะได้รสชาติความอร่อยยิ่งขึ้นจ้า

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ กระท้อนลอยแก้ว

การทำ กระท้อนลอยแก้ว

สำหรับส่วนผสมของ “กระท้อนลอยแก้ว”

กระท้อนปุยฝ้าย 3 ลูก (เลือกที่แก่จัด เพราะจะได้เนื้อที่หวานและปุยนุ่ม)
น้ำตาลทราย 2/3 ถ้วย
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำร้อน 1 ถ้วย
น้ำสะอาดหรือน้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วย


เมื่อเตรียมส่วนผสมกันพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาโชว์ฝีมือปลายจวักกัน เริ่มจากชงน้ำร้อนกับเกลือ คนจนเกลือละลายแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง และทิ้งไว้ให้เย็น หันมาปอกเปลือกกระท้อนออกให้เกือบถึงปุย ใช้มีดแซะเนื้อระหว่างเมล็ดออกและหั่นกระท้อนออกเป็นชิ้นๆ แล้วนำลงแช่ในน้ำเกลือที่ทำรอไว้แล้ว

ทีนี้ก็มาทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำสะอาด (หรือน้ำลอยดอกมะลิ จะช่วยให้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิ)เข้าด้วยกัน และยกตั้งไฟคนให้น้ำตาลละลาย แล้วกรองเอาผงออก จากนั้นก็ล้างภาชนะที่ทำให้สะอาด แล้วเทน้ำเชื่อมใส่ลงไปเคี่ยวต่ออีกที จนได้น้ำเชื่อมที่ข้นกำลังดีก็เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วช้อนกระท้อนขึ้นจากน้ำเกลือทิ้งให้สะเด็ดน้ำ และใส่ลงในชามน้ำเชื่อม ใส่เกลือลงไปในน้ำเชื่อมเล็กน้อยคนให้เข้ากัน ให้พอมีรสหวานเค็มนิดๆ ก็เป็นอันว่าใช้ได้ ได้ “กระท้อนลอยแก้ว” ที่พอเวลาจะกินก็แค่ใส่น้ำแข็งลงไป กินแล้วเย็นกายหวานชื่นใจดีจริงๆ

การทำกระทงทอง

การทำกระทงทอง

ส่วนผสมของแป้ง

แป้งสาลีร่อน 1 ถ้วย
แป้งข้าวจ้าวร่อน 1 1/2 ถ้วย
หัวกระทิ 6 ช้อนโต๊ะ
ไข่เป็ด 1 ฟอง
เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
น้ำปูนใส 1 ถ้วย
น้ำมันสำหรับทอด


ส่วนผสมของไส้

หมูหั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ1/2 ถ้วย
แครอท มันสำปะหลัง ถั่วแขกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ รวมกัน 1/2 ถ้วย
พริกไทย รากผักชี กระเทียม โขลกละเอียดรวมกัน 1/3 ถ้วย
น้ำมัน 1/3 ถ้วย
ซีอิ้วขาว น้ำตาล สำหรับปรุงรส


เมื่อเตรียมส่วนผสมกันพร้อมแล้ว ก็ลงมือทำกันได้เลย เริ่มจากการทำแป้งกระทงทองกันก่อน โดยนำแป้งสาลีกับแป้งข้าวจ้าวที่ร่อนแล้วมาผสมกับหัวกะทิ ใส่ไข่เป็ดลงไป ผสมให้เข้ากัน เติมน้ำปูนใสลงไป ถ้าแป้งเป็นเม็ดให้กรองก่อนนำไปทอด

พอได้ส่วนผสมของแป้งแล้วก็นำมาทอด โดยใช้พิมพ์กระทงทองจุ่มลงไปในน้ำมันที่ร้อนจัด เพื่อให้แม่พิมพ์ร้อน น้ำมันต้องท่วมแม่พิมพ์ พอแม่พิมพ์ร้อนแล้ว นำแม่พิมพ์ไปชุปแป้งที่ผสมไว้แล้ว ให้แป้งติดทั่วแม่พิมพ์ด้านนอก แล้วรีบยกออกลงไปทอดในน้ำมันให้เหลือง กรอบ แล้วถอดออกจากแม่พิมพ์

คราวนี้มาทำไส้ เริ่มจากใส่น้ำมันลงในกระทะตั้งไฟกลางๆ พอร้อน ใส่เครื่องที่โขลกผัดให้หอม ใส่หมู แครอท มันสำปะหลัง ถั่วแขกลงผัด ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว น้ำตาล ผัดให้สุกพอประมาณ ชิมรสชาติให้ออกหวานๆ เค็ม ยกลง ตักใส่กระทงทองที่เตรียมไว้เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกระบวนการทำ พร้อมที่จะหม่ำกันได้ตามสบาย

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ กระเพราขี้บ่น รสเผ็ดสะใจ

การทำ กระเพราขี้บ่น รสเผ็ดสะใจ

ปูอัด เบคอน แหนม ปลาหมึกยัดไส้ กุ้งกุลา อย่างละนิดพอประมาณ
เห็ดฟาง แครอท ข้าวโพดอ่อน อย่างละนิดเหมือนกัน
กระเทียมสับหยาบๆ 1 ช้อนชา
พริกขี้หนูสวนทุบพอบุบๆ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง 1-2 เม็ด
ใบกระเพรา 1 กำมือ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ


จากนั้นก็ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมัน ตามด้วยกระเทียมสับ เจียวให้เหลืองแล้วใส่พริกขี้หนูลงไป พอได้กลิ่นความเผ็ดโชยมาก็ใส่น้ำมันหอยผัดให้เข้ากัน แล้วใส่สารพัดเนื้อสัตว์ที่มีลงไปผัด พอทุกอย่างสุกได้ที่ก็ใส่สารพัดผักที่มีตามด้วยน้ำปลา น้ำตาล ลงไป ใส่พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง ใส่ใบกระเพราเป็นลำดับสุดท้าย เห็นใบกระเพรายุบตัวก็ตักใส่จานทันที เคล็ดลับความอร่อยของจานนี้อยู่ที่ว่าต้องรอให้กระทะร้อนจัดจริงๆ และทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว

อืม...เห็นว่าช้าแล้วจะไม่ได้การ “กุ๊กเล็ก” ขอตัวไปทำกระเพราขี้บ่น ให้คนขี้โลภที่บ้านทานด้วยดีกว่า น้ำลายชักสอขึ้นมาอีกรอบแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

กระเพราเนื้อสับพริกไทยอ่อน

กระเพราเนื้อสับพริกไทยอ่อน

สำหรับส่วนผสมก็มี
เนื้อสับหยาบๆ 1 ขีด
พริกสด 2 - 3 เม็ด
กระเทียม 3 - 4 กลีบ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยอ่อน กระเพราเด็ดเป็นใบๆ กระชายซอยเป็นเส้นๆ
น้ำปลา น้ำตาล ซอสปรุงรส ปริมาณตามความชอบ


ได้ส่วนผสมครบแล้วก็ลงมือตำพริกกับกระเทียมเข้าด้วยกันแต่ไม่ต้องละเอียดมาก จากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน พอร้อนแล้วใส่พริกกับกระเทียมที่โขลกลงไปผัดให้มีกลิ่นหอม ตามด้วยเนื้อสับ ซอสปรุงรส น้ำปลา น้ำตาล ผัดคลุกเคล้าเข้ากันจนเนื้อสุก ซึ่งตอนนี้อาจะเติมน้ำหรือน้ำซุปลงไปด้วยนิดหน่อย บรรเลงเพลงผัดสักครู่ จึงใส่กระชาย และพริกไทยอ่อน เพื่อเพิ่มรสชาติให้ดุเด็ดเผ็ดร้อนยิ่งขึ้น

ตบท้ายด้วยการใส่ใบกระเพราลงไปผัด ให้ใบกระเพรายุบตัว พร้อมกับโชยกลิ่นหอมๆ ผสมอาการแสบๆคันๆรูจมูกของคนรอบข้าง แค่นี้พิธีกรรมเสกอาหารจานอร่อย แต่มากด้วยคุณค่าสมุนไพรไทยนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น เหลือแต่พิธีกินที่ต้องรีบไปตักข้าวร้อนๆ ราดด้วย “กระเพราเนื้อสับพริกไทยอ่อน” หรือใครจะทำไข่ดาวมาเสริมทัพท้องก็เก๋ไปอีกแบบ

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำไข่ลูกเขยทรงเครื่อง

การทำไข่ลูกเขยทรงเครื่อง

สำหรับเครื่องปรุงที่ต้องเตรียมก็มี

ไข่ไก่ 5 ฟอง
เนื้อหมู 1 ขีด
หัวหอมแดง 10 หัว
กระเทียมกลีบใหญ่ 10 กลีบ
ผักชี, พริกแดงทอด
น้ำตาบปีบ, น้ำปลา,น้ำมะขามเปียก, น้ำมันสำหรับทอด


สำหรับขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยากอะไร เริ่มจากต้มไข่ไก่ให้สุก และปอกเปลือกให้เรียบร้อย แล้วพักทิ้งไว้ก่อน จากนั้นหันมานำหัวหอมแดงและกระเทียม มาซอย ส่วนเนื้อหมูก็เอามาสับให้ละเอียด ผสมน้ำปลาลงไปเล็กน้อย

จากนั้นนำไข่ไก่ที่ปอกเปลือกเรียบร้อยแล้วลงทอดในน้ำมันให้เหลือง พร้อมเจียวหอมกับกระเทียมให้เหลืองหอม ก่อนจะนำหมูสับลงทอดในน้ำมันให้สุกเหลือง

ทีนี้ก็มาถึงการทำน้ำราดไข่ ให้ใช้น้ำมันที่เจียวหอมเล็กน้อย ใส่น้ำตาลลงเคี่ยว(คะเนตามความเหมาะสม) จนน้ำตาลละลายเหนียว ตามด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก ชิมรสตามชอบใจ (แต่ท่าจะให้อร่อยก็ต้องออกหวานนำเปรี้ยวตามนิดๆ)

พอได้น้ำราดเสร็จสรรพ นำไข่ใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ใส่หมูทอด ราดด้วยน้ำที่ปรุงไว้ โรยด้วยหอมเจียว กระเทียมเจียว ผักชี และพริกแดงทอด เป็นอันว่าเสร็จสมบูรณ์ ตักข้าวสวยร้อนๆกินกับ “ไข่ลูกเขยทรงเครื่อง” อิ่ม อร่อย ไปอีกหนึ่งมื้อ

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ ไข่น้ำ

การทำ ไข่น้ำ

ไข่ไก่ (ไว้ทำไข่เจียว) 1 ฟอง
หอมใหญ่ (หั่นเป็นชิ้นๆ) ½ หัว
ผักกาดขาว (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ) 5-6 ใบ
หมูสับ 1 ขีด
ขึ้นฉ่าย (หั่นเป็นท่อนสั้นๆ) 1 ต้น
น้ำซุป 1 ถ้วย
น้ำปลา 1 ช้อนชา
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนชา
ตั้งฉ่าย (หนึ่งหยิบมือ)
กระเทียมเจียว ผักชี ต้นหอม และพริกไทยป่น (นิดหน่อยเอาไว้โรยหน้า)

สำหรับวิธีการทำก็แสนจะง่ายดาย โดยเริ่มจากทำไข่เจียวกันก่อนเลย (ซึ่งไข่เจียวที่ว่านี้ต้องปรุงรสนิดหน่อยด้วยน่ะ) พอทอดไข่เจียวเสร็จสรรพแล้วก็หั่นเป็นชิ้นๆ แล้วนำมาพักไว้ก่อน

จากนั้นนำน้ำซุปใส่ลงหม้อต้มให้น้ำซุปพอร้อน ใส่ตั้งฉ่ายลงไปแล้วก็ปรุงรสด้วยน้ำปลา และซีอิ้วขาว จากนั้นนำหมูสับใส่ลงไป พอหมูเริ่มสุกได้ที่ให้ใส่ผักกาดขาว หอมใหญ่ และขึ้นฉ่ายตามลงไป และต้มต่อไปจนผักสุก ก็ใส่ไข่เจียวที่ทอดไว้แล้วลงไปทันที แล้วก็คนคลุกเคล้าให้เครื่องทุกอย่างเข้ากัน เป็นอันว่าใช้ได้ที่

พร้อมตักใส่ชามและโรยหน้าด้วย กระเทียมเจียว ผักชี ต้นหอมและพริกไทยอีกที แค่นี้ก็ได้ “ไข่น้ำ” ร้อนๆ ไว้กินกับข้าวสวย ช่วยให้อิ่มสบายท้องกันไปอีก 1 มื้อ

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ ไข่ตุ๋นในพริกหวาน

การทำ ไข่ตุ๋นในพริกหวาน

พริกหวานสีแดง 1 ลูกโต
ไข่ไก่ 2 ฟอง
ถั่วฝักยาว ครึ่งฝัก
พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง 2-3 เม็ด
กุ้งแห้ง 5-6 ตัว
กุ้งสด 1 ตัว
แครอท เกลือ แตงกวา และผักชีสำหรับตกแต่ง

หลังจากที่เตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ก็ให้นำพริกหวานมาปาดตรงหัวที่มีขั้วพริกออก ซึ่งอาจใช้มีดคว้านเสียบบนตัวพริกขึ้นลงแบบสลับฟันปลา เพื่อความสวยงาม จากนั้นคว้านไส้และส่วนเกินออกมาให้หมด แล้วตีไข่ให้ขึ้นฟู แครอทหั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ ถั่วฝักยาวก็หั่นเป็นแว่น กุ้งแห้งก็แช่น้ำร้อน แล้วนำมาสับละเอียด พริกชี้ฟ้าให้หั่นแบบเฉียง

เสร็จสรรพนำทุกอย่างมาผสมลงในไข่ ปรุงรสด้วยเกลือ จะทำให้ได้ไข่สีสด ไม่ควรปรุงรสด้วยน้ำปลาหรือซีอิ๊ว เพราะสีไข่จะไม่สวย จากนั้นนำไปเทลงในพริกหวาน นำเข้าไมโครเวฟ (ถ้าไม่มีเวฟ)อาจใช้การนึ่งแทน) ใช้เวลาประมาณ 1 นาที ครึ่ง ความหอมของไข่ก็จะส่งกลิ่นออกมาชวนให้น้ำลายสอ (การนึ่งใน เวลาอันสั้น นอกจากจะทำให้ไข่สุกเร็วแล้ว ยังไม่ทำให้พริกช้ำจนเกินไปอีกด้วย)

สุดท้ายนำกุ้งสดไปลวกน้ำวางด้านบนหน้าไข่ตุ๋น และตกแต่งด้วยผักชี แตงกวา แล้วเราก็ได้ไข่ตุ๋นในพริกหวานที่ให้กลิ่นหอมชวนกิน พร้อมด้วยรสชาติที่กลมกล่อม มีรสเผ็ดของพริกแซมนิดๆ...โอ้ว... แล้วจะรอช้าอยู่ใย ตักข้าวสวยร้อนๆมาหม่ำกับไข่ตุ๋นในพริกหวานสดๆใหม่ๆ กันดีกว่า

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำ ไข่เยี่ยวม้ากะเพรากรอบ

การทำ ไข่เยี่ยวม้ากะเพรากรอบ

ไข่เยี่ยวม้า 1 ลูก
หมูสับ 1/2 ขีด
พริกสด 2-3 เม็ด
กระเทียม 3-4 กลีบ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
ใบกะเพราเด็ดเป็นใบๆ ใส่ตามที่ต้องการ (ใช้ผัดและทอดกรอบ)
เห็ดฟาง ถั่วฝักยาว ดอกกะหล่ำ แครอท ข้าวโพดอ่อน หั่นเป็นชิ้นๆ ปริมาณตามชอบใจ
น้ำปลา น้ำตาล ซอสปรุงรส ปริมาณตามความชอบ


เมื่อเตรียมส่วนผสมครบครัน ก็ให้นำไข่เยี่ยวม้ามาผ่าเป็น 4 ซีก ไปทอดจนกรอบแล้วพักเอาไว้ก่อน จากนั้นเอาหมูสับมาผัดกับเครื่องกะเพราอันได้แก่ใบกะเพรา (อย่าลืมแบ่งไว้ทำกะเพรากรอบด้วยล่ะ) พริกสด และกระเทียมสับ เพิ่มความสีสันความอร่อยและคุณค่าอาหารด้วยแครอท ข้าวโพดอ่อน กะหล่ำดอก ถั่วฝักยาวและเห็ดฟาง ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงจนอร่อยถูกใจ

ครั้นเสร็จสรรพนำมาราดบนไข่เยี่ยวม้าทอด แต่ยังไม่เสร็จแค่นั้น อย่าลืมเอาใบกะเพราะที่แบ่งไว้มาทอดกับน้ำมันร้อนๆ จนได้กะเพรากรอบน่ากินมาโรยหน้ากะเพราไข่เยี่ยวม้าจานอร่อยนี้ด้วย

ความอร่อยของผัดกะเพราที่ทุกคนคุ้นเคย ผสมกับรสชาติมันๆ ของไข่เยี่ยวม้าทอด ในเมนูไข่เยี่ยวม้ากะเพรากรอบ ช่วยทำให้มื้ออาหารของ “กุ๊กเล็ก” ในวันนี้ได้รสชาติอร่อยอย่าบอกใคร ถ้าไม่เชื่อก็ต้องลองไปทำดูเองแล้วล่ะถึงจะรู้

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำไก่ห่อใบเตย

การทำไก่ห่อใบเตย

เครื่องปรุง

เนื้ออกไก่ 600 กรัม
กระเทียม 15 กลีบ
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 2 ช้อนชา
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
ใบเตยสำหรับห่อไก่


ส่วนผสมน้ำจิ้ม

น้ำตาลทราย 8 ช้อนโต๊ะ
น้ำสะอาด 4 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/3 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่วบุบพอแตก 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ เริ่มจากล้างไก่ให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอคำ แล้วนำไปหมักในเครื่องปรุงที่เตรียมไว้คือกระเทียมพริกไทยโขลกละเอียด ซีอิ้วขาว เหล้าจีน น้ำมันงา เกลือ และน้ำตาล ใช้เวลาหมักประมาณ 1 ชั่วโมงจนเข้าเนื้อ

ระหว่างรอหมักไก่ มาทำน้ำจิ้มกันก่อนโดยเอาน้ำตาลทรายไปต้มกับน้ำ ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วใส่ซีอิ้วดำ เกลือ และงาคั่วลงไป คนให้เข้ากันเท่านี้ก็เสร็จแล้ว และหลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ไก่ที่หมักเริ่มได้ที่ ขั้นต่อไปให้เอาใบเตยที่เตรียมไว้มาห่อไก่แต่ละชิ้น สอดปลายให้แน่นไม่อย่างนั้นจะหลุดออกตอนทอด แล้วเอาลงไปทอดพร้อมกันในน้ำมันร้อนๆ จนไก่สุกเหลืองหอม วางไว้ให้สะเด็ดน้ำมันแล้วยกเสิร์ฟได้ทันที เวลากินหอมทั้งกลิ่นใบเตยและงาคั่วในน้ำจิ้ม เป็นของกินเล่นยามบ่ายได้แบบอิ่มท้องพอดีๆ

การทำไก่ผัดพริกแกงไข่แดงเค็ม

การทำไก่ผัดพริกแกงไข่แดงเค็ม

สำหรับเครื่องปรุงก็ประกอบไปด้วย

เนื้อไก่หั่นเป็นชิ้นพอคำ ½ ถ้วยตวง
ไข่แดงของไข่เค็มหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 ฟอง
น้ำพริกแกง 4 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช น้ำปลา น้ำตาลทราย

เมื่อได้เครื่องปรุงเรียบร้อยโรงเรียนไก่ผัดพริกแกงฯแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการทำ โดยเริ่มจากตั้งกระทะไฟอ่อน ใส่น้ำมันลงไปพอร้อน นำน้ำพริกแกงลงผัดให้มีกลิ่นหอม เร่งไฟนิดหน่อยก่อนส่งเนื้อไก่ลงไปผัดรวมกันให้สุกน่ากิน

จากนั้นใส่ไข่แดงเค็มลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันกับเนื้อไก่ แล้วค่อยปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย ตามความชอบของรสปาก เสร็จสรรพตักใส่จาน โรยหน้าด้วยใบมะกรูดพองาม ยกเสิร์ฟกินกับขาวสวยร้อนๆ รสชาติเข้มข้น ถึงปากถึงใจนัก

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำไก่กรอบมะนาว

การทำไก่กรอบมะนาว

เนื้อไก่สันใน 3 ชิ้น
แป้งโกกิ 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 1/4 ช้อนชา
เกล็ดขนมปัง 1 ถ้วยตวง
มะนาว 1 ลูก
ใบคะน้า 2-3 ใบ

ส่วนผสมน้ำซอส

มายองเนส 1 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/4 ช้อนชา
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
นมข้น 3 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากอะไรเลย เริ่มจากนำเนื้อไก่สันในมาทุบให้พอนิ่ม นำมาคลุกกับแป้งโกกิที่ใส่ซีอิ้วขาวลงไปนิดหน่อย จากนั้นก็นำมาคลุกกับเกร็ดขนมปังอีกที แล้วนำไก่ลงทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้ไก่สุกพอเหลืองกรอบ เป็นอันว่าใช้ได้ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน

หันมานำใบคะน้ามาซอยและลงทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้คะน้าพอกรอบ และนำมาใส่จานรองไว้ด้านล่าง แล้วนำไก่ที่ทอดไว้แล้วมาหั่นเป็นชิ้นๆ พอดีคำ วางลงบนใบคะน้าที่จัดรอไว้แล้ว

ทีนี้มาทำน้ำซอส เริ่มจากนำไข่ไก่ น้ำตาลทราย น้ำมะนาว มาตีให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย แล้วตามด้วยมายองเนส ตีเข้ากันอีกที แล้วใส่นมข้น น้ำมันพืชตามไป และก็ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันก็จะได้นำซอส เอามาราดลงบนไก่ที่เตรียมไว้แล้ว สุดท้ายหั่นมะนาวสไลด์เป็นชิ้นบางๆ โรยหน้า อีกที เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกระบวนการทำ

เมนู “ไก่กรอบมะนาว” นี้รสออกอมเปรี้ยว กลมกล่อมนุ่มลิ้น กินเปล่าๆ ไม่ต้องกินกับข้าว อร่อยเหาะ ขอบอกให้รีบทำ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำค็อกเทล “โรนัลดิญโญ่”

การทำค็อกเทล “โรนัลดิญโญ่”
ส่วนผสม ที่ต้องเตรียม

ไลท์ รัม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะม่วง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้ม 2 ช้อนโต๊ะ
ส้มคูราเซา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อมผสมมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

สำหรับวิธีการทำนั้นแสนจะง่ายดาย ทำเสร็จง่ายๆ เพียงแค่ไม่กี่วินาที เพียงแค่นำส่วนผสมทั้งหมดเทใส่ในเช็คเกอร์ พร้อมกับใส่น้ำแข็งเกล็ดลงไป แล้วก็ออกแรงนิดหน่อย เขย่าให้ส่วนผสมทั้งหมดนั้นเข้ากันเป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อยเทใส่แก้ว พร้อมดื่มได้ทันที เอาไว้ดื่มพร้อมไปกับการเชียร์บอลทีมโปรด

การทำเครื่องเดื่ม เครื่องดื่ม เมนูเครื่องดื่ม

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำโยเกิร์ต..เชค

การทำโยเกิร์ต..เชค

สำหรับส่วนผสมก็มี

โยเกิร์ต(รสผลไม้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน) 1 ถ้วย

กล้วยหอม 1 ลูก

แคนตาลูป 1 เสี้ยว

น้ำแข็งเกล็ด 1-2 แก้ว

วิปปิ้งครีมสำหรับตกแต่งแบบสเปรย์ (ถ้ามี)

เมื่อได้ส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มด้วยการ นำกล้วยหอมและแคนตาลูปมาปอกเปลือก ผ่าครึ่ง แล้วใส่ลงไปในเครื่องปั่นผลไม้ เทโยเกิร์ต และ น้ำแข็งเกล็ดตามลงไป

จากนั้นปั่นทุกอย่างให้เข้ากัน ใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที จนน้ำแข็งละเอียดเป็นมูทเหมือนสเลอปี้ ถ้าชอบให้มีสีสันอาจจะใส่น้ำเฮลล์บลูบอยสีแดงหรือสีเขียวลงไป ประมาณ 1 ช้อนชา แต่อย่ามากเกินไป เพราะจะกลายเป็นกลิ่นน้ำหวาน จะไม่ใช่กลิ่นกล้วยหอม

ส่วนใครถ้าอยากจะให้เข้มข้นก็อาจจะใส่นมสดเพิ่มความหวานมันลงไปตามใจชอบ ซึ่งเมื่อออกมารสชาติก็ชวนกินไม่แพ้

อ้อ...อีกนิด ถ้าหากมีวิปปิ้งครีมก็ลองบีบตกแต่งเพื่อให้หน้าตาเครื่องดื่มดูสวยงามขึ้น

ร้อนนี้ ได้เครื่องดื่มอะไรๆคลายร้อน มันก็ช่วยให้ใจเย็นขึ้นเยอะ

เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

การทำแฮมผัดขึ้นฉ่าย

การทำแฮมผัดขึ้นฉ่าย

เครื่องปรุงที่ต้องเตรียม

ผักขึ้นฉ่ายหั่นเป็นท่อนสั้นๆ 2 ต้น
หมูแฮมหั่นเป็นชิ้นยาวๆ 3 แผ่น
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้นๆ 3 ดอก
แครอทหั่นฝอย 1 หัวเล็ก
กระเทียม สับละเอียด 2 หัวเล็ก
ซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง น้ำมันหอย น้ำมันพืช

เมื่อเตรียมเครื่องปรุงกันเสร็จแล้ว ก็เดินหน้าเข้าครัวเคาะกระทะกันได้เลย โดยเริ่มจากเอากระทะตั้งไฟ ใช้ไฟกลางๆ แล้วใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนให้ใส่กระเทียมสับลงไปเจียวให้พอเหลือง

จากนั้นก็ใส่แฮม แครอท และเห็ดหอม ลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง น้ำมันหอย ผัดส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันอีกที และผัดต่อจนหมูแฮม แครอท และเห็ดหอมสุก ก็ใส่ขึ้นฉ่ายลงไปผัด ถึงตรงนี้ไม่ต้องผัดนานเอาแค่พอขึ้นฉ่ายสุกก็เป็นอันว่าใช้ได้แล้ว ตักใส่จานได้เลย กินกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติกลมกล่อมทั้งแฮมและขึ้นฉ่าย แถมมีกลิ่นขึ้นฉ่ายหอมๆ เวลาเคี้ยวอีกต่างหาก อ้ำ...อิ่มไปอีกหนึ่งเมนู